ผู้ส่งออกบางรายประเมินรัฐบาลประมูลข้าวขาดทุน 200 ล้านบาท

การระบายข้าวครั้งที่ 4 ในรอบปีนี้ รัฐบาลขายข้าวไปได้ 229,000 ตัน จากที่เสนอขาย 730,000 ตัน แบ่งเป็นข้าวขาว 5 เปอร์เซ็นต์ ข้าวหอมมะลิ ปลายข้าว ข้าวเปลือก ผู้ส่งออกบางรายระบุว่า ราคาซื้อครั้งนี้ต่ำกว่าตลาด เช่น ข้าวหอมมะลิ ราคาตลาดอยู่ที่ตันละ 30,000 บาท แต่ผู้เข้าร่วมประมูลซื้อในราคาตันละ 28,000 บาท

 

ผู้ประกอบการประเมินว่าการขายข้าวครั้งนี้รัฐบาลขาดทุนเฉลี่ยตันละ 1,000 บาท รวมแล้วประมาณ 230 ล้านบาท แต่หากเทียบกับราคารับจำนำข้าว ซึ่งสูงกว่าราคาตลาด รัฐบาลขาดทุนตันละ 7 - 8 บาท ทำให้รัฐขาดทุนประมาณ 1,800 ล้านบาท

 

ผู้ประกอบการเห็นว่าในการรับจำนำข้าวรอบใหม่ รัฐบาลควรมีแผนการระบายข้าวที่ชัดเจน โดยเปิดโอกาสให้สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยเสนอแนะข้อคิดเห็น หรืออุปสรรคในการส่งออกข้าว เพื่อไม่ให้ข้าวล้นสต็อก

 

หนึ่งในบริษัทที่ชนะประมูลข้าวรายหนึ่งระบุว่าต้องการให้รัฐบาลใช้วิธีเปิดประมูลทั่วไป เนื่องจากเปิดโอกาสให้เอกชนหลายรายสามารถซื้อข้าวในสต็อกของรัฐบาลได้ และทำให้รัฐบาลขายข้าวได้ในราคาที่สูงหรือใกล้เคียงกับราคาตลาด

 

นักวิชาการระบุว่ารัฐบาลใช้งบประมาณไปกับโครงการรับจำนำข้าวปีละกว่า 400,000 ล้านบาท แต่เมื่อมีการระบายข้าวกลับขายได้ในราคาต่ำกว่าตลาด และเห็นว่ารัฐบาลอาจจะทำได้เพียงระยะสั้นเพราะการใช้งบประมาณที่ไม่คุ้มค่า

 

สำหรับบริษัทที่ชนะการประมูลข้าวในสต็อกรัฐบาลครั้งนี้มีทั้งสิ้น 9 ราย เป็นข้าวหอมมะลิ 3 ราย ข้าวขาว 5 เปอร์เซ็นต์ 4 ราย ปลายข้าว 1 ราย และข้าวเปลือก 2 ราย โดยใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า กรมการค้าต่างประเทศจะประกาศระบายข้าวเพิ่มเติม จำนวนไม่เกิน 1,000,000 ตัน จากที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติขายข้าวแบบไม่จำกัด ตั้งแต่สิงหาคมไปจนถึงสิ้นปีนี้