เครือข่ายงดเหล้าวอนรัฐบังคับใช้กฎหมายเข้มข้น ป้องเยาวชนดื่มสุรา 
นายจตุพันธ์ ปัญจมนัส ผู้ประสานแผนงานทุนอุปภัมภ์เพื่อสนับสนุนกิจกรรมปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานศึกษา กล่าวถึงกรณีการบังคับใช้กฎหมายควบคุมการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่เมื่อวานนี้ (13 ธ.ค.55) กระทรวงสาธารณสุขได้เสนอให้มีการออกกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 3 ฉบับ ได้แก่ กำหนดพื้นที่ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนทางสาธารณะ เช่น ช่องทางจราจรบนถนน ไหล่ทาง บาทวิถี หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และเพิ่มโทษค่าปรับสำหรับผู้ฝ่าฝืนการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นอกเวลา ที่กำหนดคือ เวลา 11.00-14.00 น. และตั้งแต่เวลา 17.00 - 24.00 น. จากเดิมปรับเพียง 500 บาท เพิ่มเป็นโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยเฉพาะการขายโดยรอบสถานศึกษา
โดยนายจตุพันธ์กล่าวว่า กฎหมาย และนโยบายในการควบคุมการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของประเทศไทยนั้น ถือว่าดี มีการจำกัดทั้งเวลาและสถานที่ในการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้แก่เยาวชน แต่การบังคับใช้ยังไม่จริงจังเท่าที่ควร จึงทำให้เกิดช่องโหว่ให้ผู้ประกอบการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บริเวณใกล้สถาน ศึกษา เช่น ร้านโชว์ห่วย ร้านอาหารริมถนน เป็นต้น ซึ่งส่งผลให้เกิดการซื้อง่ายขายคล่อง จึงเป็นสาเหตุให้นักศึกษาส่วนใหญ่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ รวมถึงดื่มในสภาพที่ยังอยู่ในชุดนักศึกษด้วย ซึ่งทั้งหมดนั้น เป็นเหตุและผลที่ตามเป็นลูกโซ่
ทั้งนี้ สาเหตุที่ยังมีการค้าขายบริเวณรอบสถานศึกษานั้น นายจตุพันธ์ระบุว่า เนื่องจากมีการให้ผลประโยชน์กับผู้ที่ควบคุมกฎหมายในบริเวณดังกล่าว ที่ถึงแม้ว่าจะมีการรณรงค์อย่างกว้างขวางก็ตาม แต่ไม่ได้ทำให้การดื่มแอลกอฮอล์ของนักศึกษาลดลง
อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับนักศึกษาที่ดื่มเแอลกอฮอล์เป็นประจำนั้น นายจตุพันธ์ เปิดเผยว่า ปัญหาเรื่องการเงิน เนื่องจากนักศึกษาเป็นวัยที่ยังไม่สามารถหาเงินเองได้, ปัญหาสุขภาพ, กระทบการเรียนเนื่องจากไปเรียนไม่ไหว เพราะเกิดจากอาการเมา รวมไปถึงกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งอาจเรียกได้มีจะปัญหาสุขภาวะของชีวิตทั้งหมด