สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เตรียมเสนอแนวทางคุม "แร่ใยหิน" ครม.

สิ่งแวดล้อม
25 มิ.ย. 56
04:44
81
Logo Thai PBS
สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เตรียมเสนอแนวทางคุม "แร่ใยหิน" ครม.

ขณะนี้พบว่าประเทศไทยใช้แร่ใยหินไครโซไทล์มากเป็นอันดับที่สามของอาเซียน ส่วนสิงคโปร์และบรูไน เลิกใช้แร่ใยหินแล้ว ขณะที่ประเทศออสเตรเลีย เริ่มกฎหมายใหม่ปกป้องอันตรายจากใยหิน 1 กรกฎาคมนี้ โดยสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคแห่งชาติ เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีสร้างทีโออาร์รัฐ ไม่ใช้แร่ใยหินและตั้งหน่วยงานอิสระดูแลความปลอดภัยจากสารเคมีและวัตถุที่อาจเป็นอันตรายทุกชนิด

ศ.เมธี สุปรีดิ์ วงศ์ดีพร้อม ประธานคณะทำงานคุณภาพชีวิต สาธารณสุข และคุ้มครองผู้บริโภค สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวว่า เตรียมทำข้อเสนอ 3 ประเด็นให้กับคณะรัฐมนตรีได้แก่ ในขณะที่ยังไม่มีมาตรการยกเลิกการใช้แร่ใยหิน ควรมีมาตรการอื่น เพื่อควบคุมความปลอดภัย เช่น โครงการก่อสร้างของภาครัฐ ต้องระบุในข้อกำหนดเงื่อนไขการกำหนดราคา หรือ ทีโออาร์ ว่า ต้องไม่มีการใช้วัสดุจากแร่ใยหิน เป็นต้น และ ควรมีหน่วยงานอิสระ ภายใต้การกำกับของสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อดูแลเรื่องความปลอดภัยจากสารเคมีและวัตถุที่อาจเป็นอันตรายทุกชนิด เพราะการกำกับความปลอดภัยไม่สามารถทำได้เพียงลำพังหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง และสุดท้าย ควรมีการตั้งกองทุนเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นอันตราย เพื่อป้องกันผลกระทบและเป็นการควบคุมให้เกิดความปลอดภัยของประชาชนอีกทาง

 
รศ.เภสัชกร วิทยา กุลสมบูรณ์ ผู้จัดการแผนงานพัฒนาวิชาการและกลไกคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ หรือ คคส. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ในปี 2555 การใช้แร่ใยหินไครโซไทล์ในประเทศพัฒนาแล้วลดลงมาก แม้แต่ผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดอย่างรัสเซียที่ส่งออกใยหิน 1 ล้านตันต่อปี ก็ลดการใช้ลง ร้อยละ 38 โดยมีการใช้ 155,476 ตัน แต่ที่น่าเป็นห่วงคือการใช้ใยหินในเอเชียกลับเพิ่มไปเป็น ร้อยละ70 ของการใช้ทั่วโลก โดยเพิ่มขึ้น ร้อยละ 5 เป็น 1.39 ล้านตัน
 
รศ.เภสัชกร วิทยา กล่าวว่า ประเทศไทยมีอัตราการใช้แร่ใยหิน 58,008 ตัน เป็นอันดับสาม รองจากอินโดนีเซีย161,824ตัน และเวียดนาม 78,909 ตัน ขณะที่ ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย ใช้น้อยกว่าไทยถึง 30 เท่า ส่วนสิงคโปร์และบรูไน เลิกใช้แร่ใยหินแล้ว
 
ขณะที่ประเทศออสเตรเลีย เริ่มมาตรการปกป้องสุขภาพประชาชนจากอันตรายของใยหิน โดยการออกกฎหมายชื่อ "ความปลอดภัยและการกำจัดแร่ใยหิน" จะบังคับใช้ในวันที่1 กรกฎาคมนี้ โดยให้มีแผนยุทธศาสตร์ชาติเพื่อสนับสนุนการสร้างความตื่นตัวและการจัดการป้องกันอันตรายจากแร่ใยหิน และตั้งหน่วยงานสนับสนุน เพื่อเพิ่มความตื่นตัวแก่สาธารณชน จัดลำดับการรื้อถอน การพัฒนามาตรฐานแนวทางในการควบคุมจัดการ การวิจัยระดับชาติเพื่อการลดความเสี่ยง เป็นต้น ซึ่งถือได้ว่า เป็นผู้นำของโลกและเป็นแบบอย่างในการป้องภัยจากแร่ใยหิน


ข่าวที่เกี่ยวข้อง