เกิดเหตุคนร้ายลอบยิงครูใน จ.ปัตตานี เสียชีวิต 1 คน

ภูมิภาค
20 ส.ค. 56
01:52
81
Logo Thai PBS
เกิดเหตุคนร้ายลอบยิงครูใน จ.ปัตตานี เสียชีวิต 1 คน

ภาพจากวงจรปิดในวันเกิดเหตุยิงตำรวจอำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาสเสียชีวิต 4 นายพบว่ามีผู้ก่อเหตุอย่างน้อย 4 คนที่พกพาปืนเอ็ม 16 มาก่อเหตุดังกล่าว ขณะเดียวกันช่วงเย็นเกิดเหตุผู้ก่อความไม่สงบลอบยิงครูในจังหวัดปัตตานีเสียชีวิต 1 คน

 เกิดเหตุคนร้ายลอบยิงนายอธิคม ติวงศ์ ครูพละ โรงเรียนบ้านประจัน อ.ยะรัง จ.ปัตตานีเสียชีวิต ในพื้นที่ ต.ปูยุด อ.เมือง จากการสอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุผู้เสียชีวิตขี่รถจักรยานยนต์ออกจากโรงเรียนบ้านประจัน เพื่อกลับบ้านพักในตัวเมืองปัตตานีตามลำพัง ในระหว่างทางเมื่อมาถึงบริเวณจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นเขตชุมชน ได้มีผู้ก่อเหตุไม่ทราบจำนวนใช้รถกระบะตามประกบก่อนใช้ปืนอาก้ากระหน่ำยิงจนเป็นเหตุให้รถของผู้เสียชีวิตเสียหลักล้มบนถนน

 
จากนั้นผู้ก่อเหตุยังได้เข้าไปหยิบอาวุธปืนพกสั้นของผู้เสียชีวิตหลบหนีไปด้วย หลังจากการก่อเหตุยังได้โปรยใบปลิวบริเวณจุดเกิดเหตุ เพื่อแสดงความรับผิดชอบว่าเป็นการโต้เจ้าหน้าที่รัฐ
 
ขณะเดียวกันวันที่ 19 สิงหาคม ได้เกิดเหตุลอบวางระเบิดทหารพราน ร้อย ร.4807 ชุดคุ้มครองครู บริเวณริมถนน 3 แยกบ้านเจาะเกาะ ต.บูกิ๊ต อ.ไอร้อง จ.นราธิวาส ทำให้ ส.ต.กัมปนาท สุขแก้ว หัวหน้าชุด และ อส.ธีรเดช จันทร์อยู่ ได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทราบเบาะแสผู้ก่อเหตุและอยู่ระหว่างการวางแผนเข้าปิดล้อมตรวจค้นเพื่อติดตามตัวผู้ต้องสงสัย
 
ส่วนที่ จ.นราธิวาสเจ้าหน้าที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในวันที่เกิดเหตุผู้ก่อความไม่สงบกราดยิงรถสายตรวจตำรวจภูธรรือเสาะ เสียชีวิต 4 นาย พบว่ามีผู้ก่อเหตุ 4 คน ขี่รถจักรยานยนต์พร้อมอาวุธสงคราม ขี่รถอยู่ในพื้นที่เทศบาลตำบลรือเสาะ ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่าผู้ก่อเหตุกลุ่มดังกล่าว น่าจะเป็นกลุ่มนายอับดุลรอฮิม ดาอีซอ หรือ เปเล่ดำ ผู้ต้องหาในคดีความมั่นคงหลายคดีรวมอยู่ด้วย
 
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม พร้อม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ประชุมร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อให้กำลังใจและติดตามการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งระยะหลังตกเป็นเป้าหมายในการก่อเหตุของผู้ก่อความไม่สงบมากขึ้น โดยเฉพาะเหตุการณ์กราดยิงรถตำรวจใน อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ทำให้ตำรวจเสียชีวิต 4 นาย ซึ่งผู้บัญชาการทหารบก กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยปรับแผนการปฏิบัติหน้าที่โดยเน้นการทำงานด้านการข่าวและงานมวลชนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสียขึ้นอีก
 
ส่วนในระยะยาวได้วางแผนปรับลดกำลังจากนอกพื้นที่ลง โดยหันไปใช้กำลังพลในพื้นที่มากขึ้น ทั้งกำลังทหารพราน อาสาสมัครรักษาดินแดน รวมถึงตำรวจในท้องที่
 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง