วันนี้ (13 ก.ค.61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หน่วยกู้ภัยของญี่ปุ่นยังพบร่างผู้เสียชีวิตท่ามกลางซากปรักหักจากภัยพิบัติน้ำท่วมและดินถล่มในพื้นที่ทางภาคตะวันตก ซึ่งเป็นภัยธรรมชาติครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบ 36 ปี ล่าสุดยอดผู้เสียชีวิตสูงถึง 200 คน และมีผู้สูญหายไปอีกหลายสิบ คาดว่ายอดผู้เสียชีวิตจะเพิ่มสูงขึ้นอีก ขณะที่สภาพอากาศร้อนจากอุณหภูมิที่สูงกว่า 30 องศาเซลเซียส กลายเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่กู้ภัย นอกจากนี้หลายส่วนวิตกถึงปัญหาขาดแคลนน้ำบริโภคและโรคระบาดที่อาจขึ้น
มีรายงานว่ามีบ้านเรือนในพื้นที่ภัยพิบัติกว่า 200,000 หลัง ไม่มีน้ำใช้มาเป็นเวลา 1 สัปดาห์ หลังเกิดภัยพิบัติที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดครั้งหนึ่งนับตั้งแต่เหตุแผ่นดินไหวและสึนามิเมื่อปี พ.ศ.2554 โดยจังหวัดโอกายามาและจังหวัดฮิโรชิมา เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายมากที่สุด รัฐบาลญี่ปุ่นได้จัดสรรงบประมาณเพื่อดูแลผู้ประสบภัยไปแล้ว 640 ล้านบาท
ทั้งนี้ พื้นที่ประสบภัยหลายแห่งไม่มีไฟฟ้าและน้ำประปา ทหารต้องลำเลียงน้ำไปแจกจ่ายผู้ประสบภัย ขณะเดียวกันมีประชาชนจำนวนมากที่ลงทะเบียนเป็นอาสาสมัครช่วยทำความสะอาดหลังน้ำลด รวมถึงการบริจาคเงินช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ภัยพิบัติ ขณะที่มีการระดมเจ้าหน้าที่เข้าไปฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายอย่างเร่งด่วนแล้ว
ด้านนายแอนโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ แสดงความเสียใจต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากภัยพิบัติธรรมชาติในญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังเสนอให้ความช่วยเหลือญี่ปุ่น โดยระบุว่าสหประชาชาติพร้อมให้ความช่วยเหลือหากได้รับการร้องขอจากรัฐบาลโตเกียว
ญี่ปุ่นเผชิญภัยพิบัติธรรมชาติครั้งเลวร้ายหลังเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ทางภาคตะวันตก โดยฝนเริ่มตกตั้งแต่เมื่อวัน 5 ก.ค.ที่ผ่านมา และฝนตกหนักในวันที่ 7 ก.ค. ส่งผลให้ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พื้นที่ภาคตะวันตกของญี่ปุ่นมีปริมาณน้ำฝนระหว่าง 300-500 มิลลิเมตร ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่มในจังหวัดฮิโรชิมา จังโอกายามา และจังหวัดเฮียวโงะ