มติคณะทำงานพรรคร่วมรัฐบาล เดินหน้าโหวตแก้ไข รธน.วาระ 3

การเมือง
3 ธ.ค. 55
13:12
61
Logo Thai PBS
มติคณะทำงานพรรคร่วมรัฐบาล เดินหน้าโหวตแก้ไข รธน.วาระ 3

พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ ยังคงตอบโต้ข้อมูลข้อเท็จจริงกรณีปัญหาโครงการจำนำข้าว โดย นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรมและนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ เข้ายื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบแล้ว หลังอภิปรายไม่ไว้วางใจและชี้ว่ามีการเอื้อประโยชน์ให้บริษัทเอกชน ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง กล่าวยอมรับการตรวจสอบตามกระบวนการของกฎหมาย

<"">
<"">

และหลังปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยสามัญทั่วไป เมื่อวันที่ 28 พ.ย. มีรายงานว่า จะมีการเปิดประชุมสมัยนิติบัญญัติ ในวันที่ 21 ธ.ค.ซึ่งสอดคล้องกับผลสรุปการศึกษาแนวทางแก้รัฐธรรมนูญ ของคณะทำงานพรรคร่วมรัฐบาลที่เห็นควรลงมติในวาระ 3 และเตรียมเสนอทุกพรรคการเมือง ก่อนวันที่ 17 ธ.ค.นี้

หลังการประชุมคณะทำงานพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้รัฐธรรมนูญ ตาม ม. 291 ของรัฐธรรมนูญ ปี 2550 นายโภคิน พลกุล ประธานคณะทำงานพรรคร่วมรัฐบาล แถลงความเห็นของที่ประชุม ว่าควรลงมติร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ในวาระ 3 ที่ค้างการพิจารณาอยู่ของรัฐสภา เพราะถือเป็นหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาที่จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ไม่เช่นนั้นอาจเข้าข่ายละเว้นปฏิบัติหน้าที่

ประธานคณะทำงานพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้รัฐธรรมนูญ คาดการณ์ว่า ผลสรุปความเห็นเสนอต่อพรรคการเมืองได้ก่อนวันที่ 17 ธ.ค.นี้ และหลังจากนั้นจะเดินหน้ารณรงค์ทำความเข้าใจกับประชาชน โดยเฉพาะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่จะชี้ให้เห็นว่า การทำประชามติ จะต้องทำเมื่อเสร็จสินในกระบวนการแก้แล้ว เพื่อให้เป็นรัฐธรรมนูญเป็นฉบับของประชาชน

มีรายงานว่า หลังปิดสมัยประชุมสภาสมัยสามัญทั่วไป จะมีการเปิดสมัยประชุมสภาสมัยนิติบัญญัติในวันที่ 21 ธ.ค.นี้ เนื่องจากรัฐธรรมนูญกำหนดว่า สมัยประชุมหนึ่งต้องมีกำหนด 120 วัน และนับจากวันเปิดจะปิดอีกครั้งในวันที่ 18 เม.ย. ปี 56 รวม 119 วัน แต่ก็มีข้อสังเกตจากบางฝ่ายเชื่อว่า พรรคเพื่อไทยกำลังเร่งรีบขับเคลื่อนงานด้านกฎหมาย หลังผ่านการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว

สำหรับข้อมูลจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ วันนี้ (3 ธ.ค.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ และ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เข้ายื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือป.ป.ช.ให้ตรวจสอบโครงการการทุจริตของรัฐบาล โดยเฉพาะปัญหาการระบายขายข้าว กรณีการขายแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี ที่พบว่ามีการเอื้อประโยชน์ให้บริษัทเอกชนและบริษัทของผู้ใกล้ชิดรัฐบาล และในวันพรุ่งนี้ (4 ธ.ค.) เตรียมยื่นหลักฐานให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ป.ป.ง. ต่อไป

ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะชี้แจงเพิ่มเติม โดยเฉพาะกรณีการขายข้าวแบบจีทูจี ซึ่งเป็นหน้าที่กระทรวงพาณิชย์ ที่จะต้องชี้แจงให้ชัดเจน พร้อมกับไม่ขอแสดงความเห็นว่า การยื่นตรวจสอบของฝ่ายค้านจะส่งกระทบต่อรัฐบาลหรือไม่ แต่ยืนยันว่า อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เป็นประธานในการดำเนินการ ไม่ใช่นายกรัฐมนตรี ที่จะพิจารณาดำเนินการแต่อย่างใด


ข่าวที่เกี่ยวข้อง