วานนี้ (8 ธ.ค.2560) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประชาชนจากกลุ่มประเทศมุสลิมและอาหรับทั่วโลก ยังเดินขบวนตามท้องถนน เพื่อประท้วงการตัดสินใจของสหรัฐอเมริกา ที่รับรองเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล
ที่กรุงเอเธนส์เมืองหลวงของกรีซ ชาวปาเลสไตน์กว่า 500 คน เดินขบวนมาชุมนุมกันที่หน้าสถานทูตสหรัฐฯ เพื่อประณามประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ประกาศรับรองนครเยรูซาเล็ม เป็นเมืองหลวงของอิสราเอล โดยผู้ประท้วงพากันโบกธงชาติปาเลสไตน์ พร้อมกับตะโกนต่อต้านนายทรัมป์ และเผาธงชาติสหรัฐฯ แต่ไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น
ส่วนที่ประเทศตูนิเซียผู้ประท้วงประมาณ 5,000 คน มาชุมนุมกันในกรุงตูนิส (Tunis) เพื่อแสดงพลังต่อต้านการตัดสินใจของนายทรัมป์ และเรียกร้องให้ขับเอกอัคราชทูตสหรัฐฯ ออกจากตูนิเซีย โดยผู้ประท้วงได้จุดไฟเผาธงชาติสหรัฐ และอิสราเอล รวมทั้งเผาภาพนายทรัมพ์
การประท้วงมีขึ้นท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนามีการวางกำลังตำรวจปิดกั้นเส้นทาง ป้องกันไม่ให้ผู้ประท้วงเคลื่อนขบวนไปที่สถานทูตสหรัฐฯ
ส่วนในแถบเอเชีย ผู้ประท้วงชาวมุสลิมทั้งในอินโดนีเซีย และมาเลเซีย พากันปักหลักชุมนุมด้านนอกสถานทูตสหรัฐฯ เพื่อประณามการตัดสินใจของประธานาธิบดีทรัมป์ ท่ามกลางการวางกำลังคุ้มกันเข้มงวด มีการเตรียมเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงไว้ในบริเวณที่มีการประท้วง ทำให้สถานทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงจาการ์ตา ต้องออกคำเตือนแนะนำให้ชาวอเมริกันหลีกเลี่ยงพื้นที่ชุมนุม
ขณะที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ได้ออกประกาศเตือนเกี่ยวกับสถานการณ์ในนครเยรูซาเล็มและบริเวณใกล้เคียง ตั้งแต่ช่วงค่ำของวันที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยได้แจ้งให้คนไทยอิสราเอล ติดตามข่าวสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และขอให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังสถานที่สาธารณะที่มีผู้ชุมนุม