วันนี้ (11 ต.ค.2565) กอนช.รายงานว่า กฟผ.มีหนังสือเตือน กอนช.ว่า ระดับน้ำในเขื่อนอุบลรัตน์ เข้าสู่ภาวะวิกฤตระดับ 3 ระดับน้ำจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนสูงกว่าคันดินโนนสัง ซึ่งจะทำให้พื้นที่ท้ายเขื่อนมีระดับน้ำสูงขึ้น กระทบพื้นที่ลุ่มต่ำใน อ.อุบลรัตน์ เขาสวนกวาง ซำสูง น้ำพอง และอำเภอเมืองขอนแก่น และต้องเฝ้าระวังพนังกั้นน้ำริมแม่น้ำชี ตั้งแต่ จ.ขอนแก่น, จ.มหาสารคาม, จ.กาฬสินธ์, จ.ร้อยเอ็ด และ จ.ยโสธร
มีการคาดการณ์ด้วยว่า ระดับน้ำแม่น้ำชีท้ายอ่างอุบลรัตน์ จะเพิ่มขึ้นจนถึงช่วงวันที่ 13 ต.ค.2565 คือ อ.เมืองขอนแก่น ส่วนที่ จ.มหาสารคาม คือ อ.โกสุมพิสัย กับ อ.เมืองมหาสารคาม น้ำจะสูงขึ้น 10 - 50 ซม.
ส่วนที่ จ.ร้อยเอ็ด อ.จังหาร ทุ่งเขาหลวง น้ำจะสูงขึ้น 10 - 60 ซม. ส่วน จ.ยโสธร น้ำที่ไหลผ่านจะเพิ่มขึ้นทั้งที่ อ.เมืองร้อยเอ้ด และ อ.มหาชนะชัย อยู่ที่ 30 ซม.
การระบายน้ำจากเขื่อนอุบลรัตน์ ยังต้องอยู่ในระดับ 50 - 54 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน และยังไหลเข้าอีกวันละกว่า 100 ล้าน ลบ.ม. เมื่อวานไหลเข้าวันเดียว 114 ล้าน ลบ.ม.
วิกฤตขนาดไหน ตัวเลขจากคลังข้อมูลน้ำแห่งชาติ น่าจะเห็นชัดว่า เขื่อนอุบลรัตน์ เมื่อวานนี้เกินระดับกักเก็บที่ 130 % ลำตะคอง 110% ลำนางรอง เพิ่มเป็น 99% ขณะที่เขื่อนน้ำอูนขณะนี้อยู่คาบเส้นเกณฑ์บริหารจัดการน้ำที่ 80% พอดี
ภาคเหนือก็ยังวิกฤตต่อเนื่อง เขื่อนกิ่วคอหมา 109% ของความจุอ่าง เขื่อนแม่มอก 103% จ.ลำปาง ยังมีความเสี่ยงน้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก ระดับน้ำอยู่ที่ 101% เขื่อนภูมิพล ระดับน้ำอยู่ที่ เกินที่ 83% แต่ยังไม่ระบายออก เพื่อลดผลกระทบต่อที่ราบภาคกลาง
ภาคกลาง ตอนนี้ต้องติดตามเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี อย่างใกล้ชิด เพราะการปล่อยน้ำจากที่นี่จะส่งผลต่อสถานการณ์ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จากการเพิ่มขึ้นของน้ำที่ระบายจากเขื่อน ออกไปสบทบเขื่อนพระราม 6 ที่ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา
เมื่อวานนี้ (10 ต.ค.2565) เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี เกินระดับกักเก็บที่ 114% ยังมีน้ำไหลเข้า 75 ลบ.ม.ต่อวัน ระบายออก 900 ลบ.ม.ต่อวินาที หรือ 77 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน ยังระบายออกได้มากกว่าไหลเข้าแต่น้ำในอ่างยังเยอะ
เขื่อนทางตะวันตก ตอนนี้ยังคงมีแค่เขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี ที่ยังเกินระดับกักเก็บทางตะวันออก อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล จ.ระยอง อ่างเก็บน้ำนฤบดินทรจินดา (เขื่อนห้วยโสมง) จ.ปราจีนบุรี เกินที่ 101% อ่างเก็บน้ำบางพระ 100 %
น่าสนใจว่า ตัวเลขคาดการณ์จาก สทนช.จะพบว่าปีนี้ ปริมาตรน้ำกักเก็บในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 35 แห่งทั่วประเทศ ประมาณการ ณ วันที่ 1 พ.ย.รวมที่เกือบ 60,000 ล้าน ลบ.ม. คือ เป็น 84% ของความจุ
มากกว่าน้ำปี 2564 เกือบ 6,000 ล้าน ลบ.ม.โดยเฉพาะน้ำใน 4 เขื่อนหลักเขื่อนเจ้าพระยา เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
ดังนั้น ประเด็นหลักตอนนี้ คือ การบริหารจัดการน้ำ ไม่ว่าจะลุ่มเจ้าพระยา ชี และมูลให้กระทบกับประชาชนให้จำกัดที่สุดเท่าที่จะทำได้ พร้อม ๆ กับการบริหารจัดการแหล่งเก็บน้ำที่เกินระดับ 80% ที่จะกระทบต่อความมั่นคงแข็งแรงของตัวเขื่อนด้วย