ไฟปะทุอีกรอบ! วิน โพรเสส ปรับแผนดับ-เร่งแกะรอยไฟไหม้ปริศนา

สิ่งแวดล้อม
24 เม.ย. 67
10:57
1,712
Logo Thai PBS
ไฟปะทุอีกรอบ! วิน โพรเสส ปรับแผนดับ-เร่งแกะรอยไฟไหม้ปริศนา
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ไฟปะทุอีกรอบ! "วิน โพรเสส" ปรับแผนดับใช้ทรายกลบ "นายกรัฐมนตรี" สั่งหาต้นเหตุพบข้อสงสัยไฟไหม้ใหญ่ ขณะที่ ปภ.ระยองประกาศ 2 ตำบลครอบคลุมอบต.หนองบัว-บางบุตร เป็นพื้นที่ประสบสาธารณภัย

ความคืบหน้ากรณีไฟไหม้โกดังเก็บกากของเสียอุตสาหกรรมและสารเคมีอันตราย ในพื้นที่บริษัท วิน โพรเสส จำกัด ต.บ้านค่าย จ.ระยอง ซึ่งผ่านมา 2 วันล่าสุดพบไฟปะทุอีกรอบ

วันนี้ (24 เม.ย.2567) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวว่า มีความเป็นห่วงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยสั่งการให้หน่วยงานต่าง ๆ ระดมกำลังให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงอุตสาหกรรม

กำชับให้ค้นหาสาเหตุว่ามีเหตุเกิดขึ้นได้อย่างไร หากเหตุที่เกิดขึ้นเกิดจากการจงใจก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แต่สิ่งที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน คือการประเมินผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ ต้องดำเนินการเร่งด่วนในการจัดการสารเคมีวัตถุอื่นๆ ที่มีการตกค้าง เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพของพี่น้องประชาชน

โดยได้มอบหมายให้ น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม ดำเนินการวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาต่าง ๆ รวมถึงอำนาจในการกำกับและดูแลการกำจัดกากของเสีย จากภาคอุตสาหกรรมทั้งระบบ

พบไฟปะทุรอบใหม่ เจ้าหน้าที่ปรับแผนใช้ทรายกลบ-น้ำฉีด

พบไฟปะทุรอบใหม่ เจ้าหน้าที่ปรับแผนใช้ทรายกลบ-น้ำฉีด

พบไฟปะทุรอบใหม่ เจ้าหน้าที่ปรับแผนใช้ทรายกลบ-น้ำฉีด

ประกาศ 2 ตำบลพื้นที่ประสบภัยสาธารณภัย

ด้านนายทศพล บวรโมทย์ นายอำเภอบ้านค่าย เผยภายหลังประชุมทีมดับเพลิงที่เข้าระงับเหตุว่า เบื้องต้นได้มีการปรับแผนเข้าดับไฟที่ยังพบปะทุขึ้นมาอีกรอบ หลังฉีดน้ำสกัดไม่ได้ผล ภายในโรงงานพบว่า มีไฟปะทุขึ้นมา 2 จุด คือบริเวณโกดังที่ 5 และที่ 2 เจ้าหน้าที่ได้นำรถแบคโฮเข้าไปตักดินกลบ และฉีดน้ำเลี้ยง เพื่อเร่งดับไฟ เพราะว่าสารเคมีบางตัวไม่สามารถใช้น้ำดับได้ จึงจำเป็นต้องใช้ดินหรือทรายกลบ

ส่วนบางโกดังที่สามารถใช้น้ำดับได้ก็จะใช้ ขณะนี้ไม่ต้องใช้โฟมดับแล้ว มีรถดับเพลิงใช้น้ำสนับสนุน 4 คัน จะให้จบและต้องไม่มีควัน เนื่องจากห่วงผลกระทบชาวบ้าน 

นอกจากนี้นายอัธยา นวลอุทัย หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระยอง ระบุว่า จากเหตุเพลิงไหม้ วิน โพรเสส ตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา จนมีประชาชนได้รับความเดือดร้อน 1,700 คน 700 ครัวเรือน ในพื้นที่ ดังนี้ หมู่ที่ 1-11 ต.หนองบัว หมู่ที่ 1-12 ต.บางบุตร ดังนั้นปภ.ระยอง ได้ประกาศให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ประสบสาธารณภัยแล้ว 

เร่งสืบสวนปมเหตุไฟไหม้ วิน โพรเสส

พ.ต.ท.วิรัตน์ เตชนันท์ รอง ผกก.(สอบสวน) และ ร.ต.อ.วิทยา บุญกุล รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.บ้านค่าย ตั้งโต๊ะบริเวณศาลาวัดหนองพะวา ห่างจากโรงงานประมาณ 1 กม. โดยเรียกหัวหน้าคนงาน และคนงานของโรงงาน ซึ่งอยู่ในวันเกิดเหตุมาสอบสวนให้ปากคำ เพื่อเร่งสรุปหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ดังกล่าว

นอกจากนี้นาย ขจรพงศ์ ศิริวิสูตร วิศวกรชำนาญการ กรมโรงงานอุตสาหกรรม ยังตั้งข้อสังเกตว่า โกดังหมายเลข 5 ถูกระบุว่าเป็นโกดังต้นเพลิงของเหตุไฟไหม้ในครั้งนี้ ช่วงเวลาที่เริ่มเห็นกลุ่มควัน คือช่วงเวลาประมาณเกือบ 9.00 น ของวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งปกติแล้วอุณหภูมิจะยังไม่สูงมาก

ประเด็นนี้กรมโรงงานอุตสาหกรรมตั้งข้อสังเกตว่า หากสาเหตุของเพลิงไหม้มาจากอุณหภูมิที่ร้อนและสะสม ช่วงเวลาดังกล่าวอาจไม่สมเหตุสมผล รวมไปถึงกากอุตสาหกรรมที่อยู่ภายใน แม้จะเป็นน้ำมันที่ใช้แล้ว รวมสารเคมีกรดด่าง แต่ก็เป็นสารเคมีที่ติดไฟ ยาก

ขณะที่จุดนี้ มีการเก็บสารที่เป็นของเหลวไว้ในถังที่มิดชิด จึงยากที่จะติดไฟอีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญ คือการลุกลามของไฟจากโกดังต้นเพลิง ไปยังโกดังอื่นๆภายในโรงงาน แต่ละจุดมีถนนกั้นกลาง ซึ่งกว้างพอที่จะป้องกันการลามของไฟ จึงตั้งข้อสังเกต ว่าการลุกลามของเพลิงไหม้ผิดปกติ

อ่านข่าว หญิงเปรูทำ "การุณยฆาต" คนแรกของประเทศ

ผลตรวจพบไอระเหยสารเคมีในพื้นที่ไฟไหม้

ขณะที่กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ตรวจสอบและรายงานผลการตรวจวัดสารเคมีในบรรยากาศในพื้นที่ชุมชนรอบโรงงานตั้งแต่ระยะ 350 เมตร จนถึงประมาณ 4.7 กิโลเมตร ในเวลาประมาณ 8.30-9.50 น. พบว่าผลการตรวจสอบคุณภาพอากาศยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ

ส่วนพื้นที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ ตรวจพบไอระเหยสารเคมีในระดับที่เป็นอันตราย ซึ่ง คพ.ได้แจ้งผลการตรวจสอบและมีข้อเสนอแนะให้ผู้ปฏิบัติงานสวมใส่ชุดและอุปกรณ์ป้องกันอันตราย

ส่วนบุคคลระหว่างปฏิบัติงาน และแจ้งให้ประชาชนผู้อยู่อาศัยบริเวณใกล้เคียงมีการป้องกันตนเอง และอพยพไปในพื้นที่ปลอดภัย หรือ ศูนย์อพยพที่หน่วยงานราชการในพื้นที่จัดเตรียมไว้

สำหรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่จะเป็นการระคายเคืองผิวหนังและระบบทางเดินหายใจ เนื่องจากกลุ่มควัน เขม่า กลิ่นเหม็นที่เกิดจากเพลิงไหม้

นอกจากนี้กรมควบคุมมลพิษ จะรวบรวมข้อเท็จจริงเพื่อประเมินค่าเสียหาย ค่าขจัดมลพิษ และการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ได้รับผลกระทบ ตามมาตรา 96 และมาตรา 97 แห่งพ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 

ส่วนโรงพยาบาลบ้านค่าย ออกประกาศรับตรวจสุขภาพเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในเหตุเพลิงไหม้ คาดว่า จะมี เจ้าหน้าที่เข้ารับการตรวจ ประมาณ 400 คน มีทีมแพทย์อาชีวเวชศาสตร์และทีมพร้อมเครื่องมือจากโรงพยาบาลระยอง มาปฏิบัติหน้าที่

อ่านข่าวอื่นๆ

รวบ 1 ต้องสงสัยฆ่าหั่นศพ ย่านบางบัวทอง - คุมสอบเข้ม

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง