หิมะตกในลิเบีย เนื่องมาจากคลื่นอากาศหนาวจากยุโรปแผ่มายังแอฟริกา

ต่างประเทศ
7 ก.พ. 55
08:16
174
Logo Thai PBS
หิมะตกในลิเบีย เนื่องมาจากคลื่นอากาศหนาวจากยุโรปแผ่มายังแอฟริกา

คลื่นอากาศหนาวเย็นในยุโรปที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตพุงสูงกว่า 300 คน อีกทั้งยังแผ่ลงไปถึงตอนเหนือของทวีปแอฟริกาแล้ว ทำให้เกิดหิมะตกทางตอนเหนือของประเทศลิเบีย ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ค่อยจะเกิดขึ้นนัก

หลายพื้นที่ของประเทศลิเบีย ซึ่งตั้งอยู่ทางเหนือของทวีปแอฟริกาติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีหิมะตก และน้ำค้างแข็งปกคลุมหลายพื้นที่ รวมทั้งเมืองการ์ยัน ที่ห่างจากกรุงตริโปลีไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 70 กิโลเมตร บริเวณท้องถนน หุบเขา และอาคารบ้านเรือนประชาชน ถูกหิมะและน้ำแข็งปกคลุมขาวโพลน ซึ่งไม่ค่อยจะเกิดขึ้น นอกจากนี้อากาศที่หนาวเย็นและหิมะ ยังทำให้การจราจรติดขัดในบางพื้นที่

ขณะที่ทวีปยุโรป หิมะที่ตกทั่วทั้งทวีป เช่น ที่ประเทศเยอรมนี น้ำในแม่น้ำเอลเบในเมืองฮัมบูร์ก ทางตอนเหนือของประเทศกลายเป็นน้ำแข็ง ทำให้ต้องใช้เรือตัดน้ำแข็งเปิดเส้นทางให้เรือเทียบท่าเรือฮัมบูร์กได้ แต่ก็ต้องยกเลิกบริการเรือเฟอร์รี่ข้ามเกาะ เนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้าย

ด้านประเทศโปแลนด์มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่ม 9 คนในช่วง 24 ชั่วโมง จากอาการไฮโปเธอร์เมีย หรืออุณหภูมิร่างกายลดต่ำจนการทำงานล้มเหลว อากาศที่หนาวจัดทำให้แม่น้ำ และน้ำในเขื่อนกลายเป็นน้ำแข็งหนาจนเรือตัดน้ำแข็งไม่สามารถตัดน้ำแข็งได้ และแม้แต่ทะเลสาปที่ลึกที่สุดในโปแลนด์ ที่ปกติจะเป็นทะเลสาปแห่งสุดท้ายของประเทศที่กลายเป็นน้ำแข็ง ยังแข็งตัวเร็วกว่าทุกปีที่ผ่านมา

ส่วนที่เซอร์เบีย และบอสเนียยังต้องประกาศปิดเรียน เนื่องจากหิมะตกหนักเป็นประวัติการณ์ เจ้าหน้าที่ต้องเร่งช่วยเหลือประชาชนหลายพันคนในพื้นที่ห่างไกล เนื่องจากหิมะทับถมปิดกั้นเส้นทาง ทำให้เหมือนตัดขาดจากโลกภายนอก ทำให้ทางการเซอร์เบียประกาศภาวะภัยพิบัติฉุกเฉิน หลังตรวจสอบพบว่ามีประชาชนถึง 7 หมื่นคนติดค้างอยู่ตามหมู่บ้านต่างๆ ทั่วประเทศ

ประเทศโรมาเนียเป็นอีกประเทศที่ได้รับผลกระทบ และต้องปิดเรียนทั่วประเทศ นอกจากนี้พื้นที่ภาคตะวันออกยังมีสถานการณ์เลวร้ายลง เพราะแม้แต่รถฉุกเฉิน และรถสายพานลำเลียงที่ใช้ช่วยเหลือประชาชน ยังติดอยู่กลางหิมะจนทหารต้องขุดออก

ทั้งนี้คลื่นความหนาวเย็นในยุโรปที่ดำเนินมากว่า 1 สัปดาห์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 300 คน และคาดว่าจะหนาวจัดต่อเนื่องไปจนถึงสุดสัปดาห์นี้
 
ทางด้านประเทศออสเตรเลีย ที่เผชิญกับน้ำท่วม แม่น้ำบาโลนในรัฐควีนส์แลนด์ยังขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ในระดับ 14 เมตร แต่เขื่อนกั้นน้ำที่เสริมความแข็งแรงยังสามารถต้านทานกระแสน้ำได้ ทำให้เมืองเซ็นต์ จอร์จ ยังปลอดภัยจากน้ำท่วม ยกเว้นพื้นที่ใกล้แม่น้ำ ทั้งนี้ทางการอพยพประชาชน 2,500 คนไปยังที่ปลอดภัยไปก่อนหน้านี้แล้ว เนื่องจากปีที่แล้วเมืองแห่งนี้ถูกน้ำท่วมหนัก ส่งผลกระทบกับประชาชนถึง 30,000 คน

แต่สำหรับเมืองวีวา ในรัฐนิวเซาธ์เวลส์ ถูกน้ำท่วมเป็นวงกว้าง ประชาชนหลายร้อยคนถูกตัดขาดจากโลกภายนอก และต้องพึ่งหน่วยฉุกเฉินส่งน้ำ และอาหารประทังชีวิต สำนักงานอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าน้ำจะท่วมออสเตรเลียไปอีก 1 สัปดาห์

สำหรับเหตุการณ์แผ่นดินไหว 6.7 ริกเตอร์ ที่ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวานนี้ (6 ก.พ.) เจ้าหน้าที่ยังคงเดินหน้าค้นหาผู้สูญหาย  ด้านกองทัพภูมิภาคที่ได้รับคำสั่งให้ช่วยเหลือประชาชน ระบุพบผู้เสียชีวิตแล้ว 43 คน แต่คาดว่าจะมีผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิตเพิ่มขึ้นเนื่องจากจนถึงตอนนี้ยังไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ห่างไกลที่เส้นทางเสียหายจากแผ่นดินไหวได้ อีกทั้งบางพื้นที่ทหารต้องเดินเท้าถึง 50 กิโลเมตร เพื่อช่วยเหลือประชาชน นอกจากนี้ยังเกิดแผ่นดินไหวอาฟเตอร์ช็อคขึ้นหลายสิบครั้ง สร้างความหวาดผวาแก่ประชาชนในพื้นที่


ข่าวที่เกี่ยวข้อง