จับ “งานวิจัยสู่อุทยานการเรียนรู้” ร่วมสร้างสรรค์สังคมแห่งปัญญา

สังคม
23 มี.ค. 55
09:21
27
Logo Thai PBS
จับ “งานวิจัยสู่อุทยานการเรียนรู้” ร่วมสร้างสรรค์สังคมแห่งปัญญา

องค์ความรู้ หรือ ผลงานวิจัย ที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่เด็กและเยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของชาติอาจเข้าถึงยาก ปัจจัยหนึ่งเพราะวิธีการถ่ายทอดและนำเสนอองค์ความรู้ไปสู่กลุ่มเป้าหมาย และการใช้คำหรือศัพท์ในเชิงวิชาการที่ค่อนข้างเข้าใจยาก ทำให้ไม่ได้รับความสนใจจากเด็กๆ เท่าที่ควร จึงเป็นที่มาของการขยายความร่วมมือในโครงการ “จากงานวิจัยสู่อุทยานการเรียนรู้”  ระหว่างสำนักงานอุทยานการเรียนรู้ TK park สังกัดสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์สังคมแห่งปัญญา และการเรียนรู้สู่การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน โดยการนำผลงานวิจัยมาเสนอในรูปแบบที่เข้าใจง่ายผ่านอุทยานการเรียนรู้และเครือข่าย

ศ.สวัสดิ์ ตันตระรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.) กล่าวว่า สกว.ในฐานะหน่วยงานที่ให้การสนับสนุนทุนการวิจัยเพื่อสร้างความรู้ในหลากหลายสาขาและทุกระดับ ตั้งแต่ระดับท้องถิ่นถึงระดับประเทศ  แต่ละปีมีผลงานที่เกิดขึ้นจากการวิจัยจำนวนมากกว่า 1,000 เรื่อง  การที่อุทยานการเรียนรู้ TK park ให้ความสนใจนำความรู้ที่ได้นี้ไปใช้ประโยชน์ต่อ และทำให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงองค์ความรู้ได้ง่ายขึ้น จึงเป็นเรื่องที่ดีเสมือนเป็นการต่อยอดงานวิจัยให้บรรลุเป้าหมายได้เร็วขึ้น และทำให้ข้อมูลที่ค้นพบจากงานวิจัยถูกนำไปใช้อย่างกว้างขวางเป็นประโยชน์ต่อประเทศต่อไป

“ความร่วมมือในลักษณะนี้ จะก่อให้เกิดประโยชน์แก่สังคมหลายด้าน  มีการสร้างการเรียนรู้ให้กับกลุ่มคนจำนวนมาก และหลากหลาย ถือเป็นการช่วยสนับสนุนปณิธานของ สกว.ที่ต้องการสร้างสรรค์ให้สังคมเกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่ ‘สังคมแห่งปัญญา’ ที่ใช้ความรู้จัดการกับปัญหา เพิ่มศักยภาพ และโอกาสของตนเองทั้งในระดับท้องถิ่น และระดับประเทศ ”

ด้าน ดร.ทัศนัย วงศ์พิเศษกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้(องค์การมหาชน) และผู้อำนวยการสำนักงานอุทยานการเรียนรู้ TK park  กล่าวว่า ที่ผ่านมา TK park และ สกว. ได้มีความร่วมมือกันมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2548 ระยะเวลากว่า 7 ปีที่ร่วมทำโครงการกันมาได้รับความสนใจจากเด็กและเยาวชนอย่างมาก  ด้วยวิธีการนำเอางานวิจัยมาจัดทำเป็นชุดนิทรรศการและกิจกรรม เพื่อสร้างการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย ซึ่งได้ทำมาแล้วมากกว่า 60 โครงการ จัดเป็น TK Exhibition Kit  60 เรื่อง อาทิ พิพิธอาเซียน ,ไขความลับปริศนาฟอสซิล, สนุกคิดวิทยาศาสตร์, จากภูมิปัญญาพื้นบ้าน, มหัศจรรย์พรรณพฤกษ์, พอเพียงตามรอยพ่อ, ภัยพิบัติธรรมชาติ...เตรียมตัว รู้รอด, เอเลี่ยน สปีชีส์, ผจญภัยโลกไดโนเสาร์ไทย, ย้อนรอยขนมไทย, เกษตรสยามล้ำสมัย และล่าสุดนิทรรศการครัวดอกไม้ ที่เพิ่งจัดขึ้นเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

“ ชุดนิทรรศการเหล่านี้ยังได้ถูกส่งต่อไปยังหน่วยงานอื่นๆ อีกกว่า 90 หน่วยงาน มากกว่า  200  ครั้ง และยังมีการนำเนื้อหานิทรรศการมาปรับเปลี่ยนเป็นค่ายเยาวชนเพื่อการเรียนรู้ และกิจกรรมทัศนะศึกษาแหล่งเรียนรู้(One Day Trip) รวมถึงจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านการเรียนรู้ต่างๆ ถือเป็นการถ่ายทอดองค์ความรู้จากงานวิจัยสู่กลุ่มเป้าหมายได้อย่างแท้จริง เพราะนอกจากจะทำให้เด็กได้รับความรู้ และความเข้าใจเรื่องราวที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์มากขึ้นแล้ว  เด็กยังได้มีโอกาสลงมือทำการทดลองด้วยตัวเอง และได้เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญหรือนักวิจัยเจ้าของผลงานนั้นด้วย  เป็นการยกระดับคุณภาพของเยาวชนไทยทางด้านวิทยาศาสตร์ได้อีกทางหนึ่ง  ”

ในปีนี้ สกว. ได้เตรียมผลงานวิจัยที่น่าใจและอยู่ในกระแสที่สังคมต้องรับรู้ เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น 5 เรื่อง ได้แก่  องค์ความรู้เรื่องของงานวิจัยที่จะเตรียมสังคมไทยเข้าสู่ประชาคมอาเซียน , เรื่องของความมั่นคงทางอาหาร , การท่องเที่ยว , การจัดการทรัพยากรน้ำ และ ภาวะโลกร้อนกับสภาพการเปลี่ยนแปลง

โดย รศ.มยุรี  จัยวัฒน์  รองผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.) ในฐานะดูแลโครงการงานวิจัยสู่อุทยานการเรียนรู้ กล่าวว่า “ ปัจจุบันสังคมจำเป็นต้องรับรู้ถึงสภาวะของโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป ถึงเวลาที่เราต้องทำให้สังคมได้รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศในขณะนี้ เพื่อให้รู้ว่าเราจะต้องเตรียมตัวอย่างไร ภาวะโลกร้อนคืออะไร มีผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมอย่างไร และทำไมเราจึงต้องปกป้องดูแล เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนเกี่ยวข้องกับชีวิตของคนเราทั้งสิ้น จึงจำเป็นต้องนำเสนอองค์ความรู้ดังกล่าวให้กับสังคมได้รับรู้เรื่องอย่างต่อเนื่อง“ เป็นการดีสำหรับเด็กและเยาวชนที่จะเข้ามาเรียนรู้ได้มากกว่าในห้องเรียน เพราะงานวิจัยที่ถูกนำมาเสนอนั้น จะได้รับการพิจารณาคัดเลือกถึงเหมาะสมและเป็นเรื่องที่เด็กส่วนใหญ่อยากรู้ และสามารถเรียนรู้ได้ในรูปแบบที่เข้าใจง่ายผ่านอุทยานการเรียนรู้ TK park เพราะเยาวชนถือเป็นกำลังที่สำคัญของประเทศในอนาคต การได้มาเรียนรู้จากที่นี่และนำองค์ความรู้กลับไปใช้ จะทำให้สามารถพัฒนาตัวเอง พัฒนาสังคม และพัฒนาประเทศได้ต่อไป ”
 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง