นายเสริมสุข กษิติประดิษฐ์ บรรณาธิการอาวุโส ไทยบีพีเอส พร้อมทนายความ เข้าชี้แจงข้อเท็จจริงกับพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิด เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. หลังถูกออกหมายเรียก กรณีโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ทำนองเตือนอย่าหลงเชื่อว่าจะมีการปฏิวัติรัฐประหาร ซึ่งเจ้าหน้าที่มองว่าเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 และเข้าข่ายผิดกฎหมายอาญามาตรา 116 ซึ่งการเข้าชี้แจง ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
นายเสริมสุข เปิดเผยว่า ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหา พร้อมนำเอกสารชี้แจงต่อพนักงานสอบสวน ว่าเป็นการโพสต์เตือนและชี้แจงกลุ่มเพื่อนในเฟซบุ๊กไม่ให้หลงเชื่อข้อความ เพราะได้ตรวจสอบข้อความเรื่องนี้แล้วไม่น่าจะเป็นความจริง ซึ่งถือว่าเป็นการทำหน้าที่สื่อมวลชน
สำหรับผู้ถูกออกหมายเรียกให้มาพบพนักงานสอบสวนทั้งหมด 4 คน มาชี้แจงในวันนี้ (9 ส.ค.) แล้ว 3 คนเหลืออีก 1 คนอยู่ระหว่างการติดต่อ ซึ่งพนักงานสอบสวน ยังไม่ได้แจ้งข้อหา เพราะจะดูเจตนาของผู้โพสต์ก่อน รวมถึงดูพยานหลักฐานแวดล้อมอื่นๆ ซึ่งหากเข้าข่ายความผิด พนักงานสอบสวนจะเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาภายหลัง
สำหรับกรณีนี้ องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ประกอบด้วย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย,สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ,สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ และชมรมนักข่าวสายเทคโนโลยีสารสนเทศ ร่วมกันออกจดหมายเปิดผนึก ขอให้ ปอท. ใช้ดุลยพินิจ ในการใช้ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์กรณีนี้อย่างเป็นธรรม โดยตีบทบัญญัตของกฎหมายอย่างเคร่งครัดและไม่ควรใช้ความเชื่อหรือแรงกดดันทางการเมืองในการใช้อำนาจเกินขอบเขต ซึ่งอาจเข้าข่าย ความผิดฐานละเว้นหรือปฏิบติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157
องค์กรวิชาชีพสื่อ ยังเห็นว่าการกดไลค์ หรือ กดแชร์ เป็นปรากฎการณ์ปกติ และเป็นการสร้างปฏิสัมพันธ์ร่วมกันในสังคมออนไลน์ที่แสดงความคิดเห็นระหว่างกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ ปอท.บอกว่าอาจเข้าข่ายมีความผิดด้วย