น้ำท่วมพื้นที่การเกษตรเสียหายหลายจังหวัดภาคเหนือ

หลายจังหวัดภาคเหนือ ยังคงมีน้ำป่า และน้ำล้นตลิ่ง เข้าท่วมชุมชน และพื้นที่การเกษตร ได้รับความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง

ฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่องในภาคเหนือทำให้ลำน้ำแม่คาว และลำน้ำห้วยโจ้ ล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านกว่า 100 หลัง ในหมู่บ้านทุ่งป่าเก็ด ตำบลหนองหาร อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งสวนพริก และนาข้าว ถูกน้ำท่วมสูง 30-50 เซ็นติเมตร สาเหตุส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีการถมที่ก่อสร้างหมู่บ้านจัดสรรจำนวนมาก ประกอบกับ ลำน้ำคับแคบ ทำให้น้ำระบายไม่ทัน

ผู้เลี้ยงปลากระชัง ในลำน้ำปิง ที่บ้านป่าแก ตำบลริมปิง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน กำลังได้รับความเดือดร้อน หลังฝนตกหนัก ทำให้น้ำปิงไหลเชี่ยวปลากระชังตาย เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

ส่วนน้ำป่าที่ท่วมตำบลช่องแคบ และตำบลมหาวัน อำเภอพบพระ จังหวัดตาก และถนนสายแม่สอด-อุ้มผาง ลดระดับลง จนสู่ภาวะปกติแล้ว เหลือเพียงที่ลุ่มต่ำ ยังมีน้ำท่วมขังบางจุด

ขณะที่หน่วยกู้ภัยวัดหมอนไม้ จังหวัดอุตรดิตถ์ ยังค้นหา นายสุนธร โนนยาง พ่อค้าทุเรียน ที่เข้าไปซื้อทุเรียนกับชาวสวนในอำเภอลับแล แล้วหลงป่า หายไป 4 วัน แต่เนื่องจากฝนตกต่อเนื่อง เป็นอุปสรรคต่อการค้นหา

ด้านไร่ข้าวโพด ในหมู่บ้านท่าข้าวเปลือก อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย กว่า 1,000 ไร่ ก็ถูกน้ำจากแม่น้ำจัน ไหลเข้าท่วม ล่าสุด ระดับน้ำลดลงแล้ว

ขณะที่พื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากในพิจิตร เตรียมรับสถานการณ์น้ำท่วม หลังแม่น้ำยมสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะตำบลรังนก อำเภอสามง่าม ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ มีน้ำท่วมทุกปี

ด้านปริมาณน้ำโขง ที่จังหวัดบึงกาฬ เพิ่มสูงขึ้น ทำให้น้ำจากลำน้ำสาขา เข้าท่วมนาข้าว ที่บ้านดอนยม บ้ายโนนแพง บ้านคำหมื่น อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ เสียหายกว่า 1,000 ไร่

เช่นเดียวกับจังหวัดหนองคาย น้ำโขงอยู่ที่ 10.7 เมตร ศูนย์อุทกวิทยาจังหวัดหนองคาย ระบุว่า แม้น้ำโขงมีแนวโน้มลดลง แต่ยังต้องเฝ้าระวังพื้นที่ติดลำน้ำ เนื่องจากช่วงเดือนสิงหาคม จนถึงเดือนกันยายน ที่จะได้รับอิทธิพลจากพายุอาจทำให้น้ำท่วมได้