ประชาชนในสหรัฐฯเริ่มทำความสะอาดบ้านเรือน หลังสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลาย
สถานการณ์น้ำท่วมในรัฐโคโลราโด้ของสหรัฐฯ เริ่มคลี่คลาย ประชาชนเริ่มทยอยกลับมาเก็บกวาดทำความสะอาดบ้านเรือน แต่ที่เม็กซิโกมีแนวโน้มว่าจะรุนแรงมากขึ้น เมื่อพายุโซนร้อนมานูเอล มีความรุนแรงเป็นพายุเฮอริเคนที่อาจจะพัดขึ้นฝั่งอีกรอบ ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากอุทกภัยเพิ่มเป็น 80 คน
นายเอ็นริเก้ พีน่า เนียโต้ ประธานาธิบดีเม็กซิโก เผยว่าเหตุดินถล่มในเมืองลา พิตาด้า จ.เกอร์เรโร่ ประเทศเม็กซิโก ทำให้มีสูญหาย จำนวน 58 คน ด้านนายกเทศมนตรีรายงานว่าพบศพผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 15 คน ทำให้ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากอิทธิพลของพายุโซนร้อนอินกริด และมานูเอล รวมถึงอุทกภัยซึ่งเกิดขึ้นทั่วประเทศเพิ่มเป็น 80 คน โดยสถานการณ์ดินถล่มในจ.เกอร์เรโร่ ถือว่าอยู่ในขั้นวิกฤต เนื่องจากมีบ้านเรือนประชาชนมากกว่า 20 หลังถูกดินถล่ม ทางการได้อพยพประชาชนออกจากหมู่บ้านมากกว่า 280 แห่ง ในขณะที่สถานการณ์โดยรวมยังไม่ดีขึ้น มีรายงานว่าพายุโซนร้อนมานูเอล เพิ่มความรุนแรงเป็นพายุเฮอริเคน และมีแนวโน้มจะพัดขึ้นฝั่งอีกครั้งซึ่งอาจจะทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่มระลอกใหม่
ส่วนที่เมืองอะคาพูลโก้ ซึ่งเป็นเมืองตากอากาศ ยังคงถูกตัดขาดจากโลกภายนอก เนื่องจากมีน้ำท่วมสูง สนามบินและถนนไม่สามารถใช้งานได้ ทางการส่งเครื่องบินมารับนักท่องเที่ยวกลับไปกรุงเม็กซิโก ซิตี้ แต่เนื่องจากนักท่องเที่ยวมีจำนวนมาก ทำให้การอพยพเป็นไปได้อย่างล่าช้า นอกจากนี้มีการปล้นสะดมทรัพย์สินตามร้านค้าและมีจระเข้หลุดมากับน้ำ สร้างความกลัวให้กับชาวบ้าน ขณะที่บ้านเรือน 23,000 หลัง ในย่านชานเมืองอะคาพูลโก้ไม่มีกระแสไฟฟ้าและน้ำใช้ ผู้ประสบภัยต้องหนีน้ำขึ้นไปอยู่บนหลังคาเพื่อรอความช่วยเหลือจากทางการ
ส่วนที่รัฐโคโลราโด้ของสหรัฐฯ ประชาชนและอาสาสมัคร ช่วยกันทำความสะอาดพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วม ขณะที่หลายครอบครัวพยายามค้นหาทรัพย์สินของตัวเองที่ได้รับความเสียหาย ทั้งนี้ยอดผู้เสียชีวิตจากอุทกภัยครั้งใหญ่ในรัฐโคโลราโด้เพิ่มเป็น 6 คน สูญหาย 2 คน และสันนิษฐานว่าน่าจะเสียชีวิตแล้ว 1 คน อย่างไรก็ดีคาดว่าเมื่อระดับน้ำลดลงในอีกหนึ่งสัปดาห์หรืออาจจะหนึ่งเดือนข้างหน้า น่าจะพบศพผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก ทางการประเมินว่าอุทกภัยในครั้งนี้ทำให้บ้านเรือนได้รับความเสียหายมากกว่า 19,000 หลัง มีผู้ประสบอุทกภัยมากกว่า 6,400 คน ยื่นเรื่องขอรับความช่วยเหลือจากทางการ ซึ่งทางการได้อนุมัติงบประมาณช่วยเหลือมาแล้ว 430,000 เหรียญสหรัฐฯหรือประมาณ 12,900,000 บาท ขณะเดียวกันกระทรวงคมนาคมจากส่วนกลางอนุมัติงบประมาณ เพื่อซ่อมแซมถนนและสะพานที่เสียหาย 30 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 900 ล้านบาท
