ตลอดทั้งวันนี้ (22 ก.พ.2559) พุทธศาสนิกชนได้ออกมาทำบุญเนื่องในวันมาฆบูชา โดยไม่มีการชุมนุมของเครือข่ายสงฆ์เกี่ยวกับการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งเป็นไปตามที่พระเมธีธรรมาจารย์ เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนากล่าวก่อนหน้านี้ว่าพระสงฆ์ที่เป็นเครือข่ายของศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาจะไม่มีการเคลื่อนไหวในวันมาฆบูชาเนื่องต้องอยู่วัด ปฏิบัติภารกิจในวันพระใหญ่
ทีมข่าวไทยพีบีเอสสอบถามความเห็นของพุทธศาสนิกชนบางคนต่อความขัดแย้งในหมู่คณะสงฆ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ พบว่าบางส่วนไม่สบายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่ส่งผลต่อความศรัทธาที่มีต่อพุทธศาสนา
นางสมพร เต่าสุวรรณ พุทธศาสนิกชนที่มาทำบุญเนื่องในวันมาฆะบูชากล่าวว่ารู้สึกไม่สบายใจต่อความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก เพราะห่วงว่าเยาวชนจะเห็นแบบอย่างที่ไม่ดีที่เกิดความไม่ปรองดองกันขึ้นในหมู่พระสงฆ์ โดยเฉพาะครอบครัวที่มีลูกชายก็อยากให้ลูกได้บวชเรียน แต่ก็เมื่อแบ่งเป็นฝ่ายเช่นนี้ก็ส่งผลต่อการตัดสินใจเป็นธรรมดา
เอกวีร์ กลั่นปรีชา พุทธศาสนิกชนอีกคนหนึ่งกล่าวว่าวงการสงฆ์ไม่ควรขัดแย้งกันเอง เพื่อให้ชาวพุทธมีหลักยึดเหนี่ยว แต่ส่วนตัวแยกแยะได้ว่าความขัดแย้งที่เกิดขึ้นนี้ไม่เกี่ยวกับหลักธรรมคำสั่งสอนของพุุทธศาสนาที่ตนยึดถืออยู่
"ถ้าพระสงฆ์ยังทะเลาะกันเอง ก็ดูเหมือนว่าศาสนาพุทธในเมืองไทยจะสั่นคลอน" นายเอกวีร์แสดงความเห็น
ด้าน พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความขัดแย้งภายในวงการสงฆ์ เกี่ยวกับการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชว่า เรื่องใดที่ยังมีความขัดแย้งจะเดินหน้าได้ลำบาก จึงควรแก้ปัญหาด้วยการทำความเข้าใจระหว่างกัน ซึ่งเป็นความเห็นที่เป็นไปในทางเดียวกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่้ย้ำว่า หากยังมีความขัดแย้ง ก็ไม่สมควรทูลเกล้าฯ เสนอชื่อสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ใหม่
"ท่านนายกฯ มีนโยบายว่า เรื่องใดที่ยังมีความขัดแย้งกันอยู่ การเดินหน้าไปก็ลำบาก ก็ต้องขจัดปัญหานั้นเสียด้วยการคุยและทำความเข้าใจกัน เหมือนกับการพายเรือ ถ้าต่างคนต่างพายเรือก็จะวนอยู่ที่เดิม แต่ถ้าพายให้ไปในทางเดียวกัน เรือก็แล่นไปข้างหน้าได้" พล.อ.ธนะศักดิ์ระบุ
ขณะที่ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวถึงกรณีที่นายศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร ทนายความของวัดปากน้ำภาษีเจริญ ระบุว่า สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ไม่รู้มาตั้งแต่ต้นว่า รถเมอร์ซิเดส เบนซ์ โบราณทะเบียน ขม 99 เป็นรถผิดกฎหมาย จึงไม่มีเจตนาในเรื่องหลบเลี่ยงข้อกฎหมายนั้น ขณะนี้เรื่องอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบซึ่งต้องให้เวลากับคณะทำงานปฏิบัติหน้าที่ไปก่อน
ส่วนการโอนคดีไปให้ พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจนนิรันดร์กิจ ผู้บัญชาการสำนักคดีภาษีอากร ถือเป็นขั้นตอนตามปกติ เพราะคดีรถคันดังกล่าว มีความผิดเกี่ยวกับภาษีอากร ซึ่งผ่านขั้นตอนการสอบสวนโดยสำนักเทคโนโลยีมาแล้วจึงเป็นกระบวนการสืบสวนของฝ่ายภาษีอากร