การเสียชีวิตลงของ พล.ต.นะคะมวย ผู้บัญชาการกองกำลังกะเหรี่ยง โกทูบลอ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (13 มี.ค.2559) ก็เป็นที่จับตาจากหลายฝ่าย เพราะแม้ว่าโกทูบลอจะเป็นกองกำลังขนาดเล็กที่แยกตัวออกมาจากกองทัพสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง แต่ทว่ามีอิทธิพลอย่างสูง ล่าสุดผู้นำทหารกะเหรี่ยงคนสำคัญ ได้ยืนยันกับไทยพีบีเอสว่า หลังจากนี้กองกำลังกะเหรี่ยงทุกฝ่ายจะหันมาร่วมมือกันอย่างมีเอกภาพมากขึ้น เพื่อเป้าหมายสูงสุดคือการกอบกู้เอกราช ซึ่งเป็นสิ่งที่พลตรีนะคะมวยได้ฝากฝังเอาไว้
ไทยพีบีเอสได้รับการนัดหมาย ที่ศูนย์อพยพชาวกะเหรี่ยงแห่งหนึ่ง ริมแม่น้ำสาละวิน ฝั่งตรงข้ามกับประเทศไทย เพื่อพบกับ พล.อ.บอจ่อแฮ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดกองทัพสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU)
พล.อ.บอจ่อแฮ เปิดเผยว่า ตนมีโอกาสได้พูดคุยหารือกับ พล.ต.นะคะมวยหลายครั้ง ในช่วงที่ พล.ต.นะคะมวย ล้มป่วยด้วยโรคมะเร็ง โดยมีความเห็นตรงกันว่าจะต้องเร่งแก้ปัญหาความแตกแยกของกลุ่มกองกำลังกะเหรี่ยง ซึ่งเป็นเรื่องในอดีตที่ส่งผลให้กองทัพกะเหรี่ยงขาดเอกภาพ และขณะนี้ประชาชนเองก็เรียกร้องให้กะเหรี่ยงทั้ง 5 กลุ่มหันมาร่วมมือกัน ก่อนเสียชีวิต
พล.ต.นะคะมวย ได้ฝากฝังถึงการสร้างกองทัพกะเหรี่ยงให้เข้มแข็งเป็นปึกแผ่น เพื่อการกอบกู้เอกราช ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญที่สุดของชาวกะเหรี่ยงทุกคนส่วนข้อเสนอการเจรจาสันติภาพกับรัฐบาลพม่านั้น พล.อ.บอจ่อแฮ กล่าวว่า เคเอ็นยูจะไม่มีการวางอาวุธอย่างแน่นอน มีแต่เตรียมความพร้อมและเสริมกำลังให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น รวมทั้งสร้างความร่วมมือกับกลุ่มชาติพันธุ์ในแต่ละรัฐ ที่ยังต้องคงกองกำลังของตนไว้เพื่อป้องกันการรุกราน
พล.อ.บอจ่อแฮ ยังเปิดเผยว่า เร็วๆ นี้ ตนจะเดินทางไปในพื้นที่ของโกทูบลอ เพื่อเยี่ยมเยียนและให้กำลังใจ รวมถึงตรวจสอบขนาดของกองกำลังเพื่อวางแผนยุทธศาสตร์ร่วมกันต่อไป ส่วนสถานภาพของกองกำลังโกทูบลอก็จะยังคงเป็นเช่นเดิม โดย พล.ต.นะคะมวย ได้วางตัวทหารคนสนิท เป็นผู้บัญชาการเพื่อดูแลกองทหารและพื้นที่ไว้แล้ว
สำหรับ พล.อ.บอจ่อแฮ ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดกองทัพสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง ได้รับการวางตัวให้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดคนต่อไป เนื่องจากเป็นนายทหารที่มีบุคลิกเข้มแข็ง มีความสามารถทั้งด้านการรบและการวางแผนยุทธศาสตร์ จนได้รับการยอมรับจากกองกำลังกะเหรี่ยงทุกฝ่าย และเป็นหนึ่งในผู้ที่ชาวกะเหรี่ยงตั้งความหวังว่า จะนำความเข้มแข็งเป็นปึกแผ่นกลับมาอีกครั้ง หลังจากยุคของนายพลโบเมียะและประธานาธิบดี ซอบาอูจี