"แม่วัยรุ่น"ท้องไม่พร้อมหนุนตั้ง โรงเรียนสอนพ่อ-แม่เลี้ยงลูก

สังคม
10 ก.ย. 60
15:54
1,239
Logo Thai PBS
"แม่วัยรุ่น"ท้องไม่พร้อมหนุนตั้ง โรงเรียนสอนพ่อ-แม่เลี้ยงลูก
เปิดใจแม่วัยรุ่น ตั้งท้องไม่พร้อม เสนอทางออกในการแก้ปัญหาตั้งโรงเรียนสอนพ่อแม่วัยรุ่นเลี้ยงลูก พร้อมแนะครอบครัวให้โอกาส อย่างเข้าใจ ส่งเสริมให้โอกาสในการเรียน แม่วัยรุ่นทั่วประเทศอายุ 10-14 ปี เพิ่มขึ้นในปี 2551 เป็นร้อยละ 4.8

“เธอตัดสินใจ อุ้มท้อง” ขณะที่เรียนหนังสือในชั้นมัธยมปีที่ 2 แม้จะไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนวัยนี้ที่จะตัดสินใจแบกรับความแม่ แต่เพราะไม่อยากทำแท้งเธอและสามีที่อยู่วัยเดียวกันยอมที่จะร่วมกันฝ่าฟันปัญหานี้ไปด้วยกัน

ชลิตา หะวัน อายุ 20 ปี เครือข่ายคุณแม่วัยรุ่น จังหวัดสุรินทร์ บอกว่า รู้ว่าตั้งท้องในช่วงสอบเทอมสุดท้ายขึ้นมัธยมปีที่3 แต่ไม่ไปสอบ ตอนนั้นเครียดและคิดว่าจะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไร กลัวไปทุกอย่าง ตั้งแต่เสียงนินทาของเพื่อนบ้าน และกลัวจะเลี้ยงลูกไม่เป็น

“เครียดและอายมากไม่รู้ว่าจะทำยังงัย ใจไม่ยากทำแท้งเพราะเป็นลูกของเรา โชคดีที่แฟนไม่ทิ้งไปไหนยังอยู่และสู้ไปด้วยกัน”

 

แม้แฟนของเธอจะอายุห่างกันไม่มากนัก แต่เขาก็พร้อมที่จะรับผิดชอบและสร้างครอบครัวไปด้วยกัน ทำให้ความไม่พร้อมของแม่วัยรุ่นอย่าง ชลิตาผ่านอุปสรรคมาได้ เธอบอกว่า ครอบครัวอาจะไม่เหมือนกันอื่นๆที่แฟนยังเรียนหนังสือ และตัวเธอเองต้องออกมาเพื่อเลี้ยงลูก แต่ก็คิดว่าไม่เป็นไหรเดี๋ยวมันก็ดีขึ้นเอง

“อายเหมือนกันที่ต้องมาเลี้ยงลูกตั้งแต่ยังเด็ก แต่พอคลอดลูกออกมาก็ไม่สนใจอะไรทั้งหมด เสียงนินทาขอชาวบ้านก็ไม่สนอีกต่อไปค่ะ รู้แต่ว่าต้องเลี้ยงลูกให้ได้” ชลิตา บอกว่าเธอโชคดีที่ครอบครัวช่วยกันแก้ปัญหา สามีก็พร้อมจะเปลี่ยนตัวเองเพื่อเป็นหัวหน้าครอบครัวแม้จะยังไม่พร้อม ทำให้เธอมีโอกาสไปเรียนต่อการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) หลังคลอด

แต่ในช่วงแรกของการคลอดปัญหาใหญ่ของชลิตาคือเลี้ยงลูกไม่เป็นจึงได้สมัตรเข้าร่วมเครือข่ายแม่วัยรุ่นของจังหวัดสุรินทร์ เพื่อแลกเปลี่ยนปัญหา สอนการเลี้ยงลูกและช่วยกันแก้ปัญหาให้ชีวิตเดินไปข้างหน้า ตอนนี้ชลิตาบอกว่า ไม่อยากให้ แม่วัยรุ่นที่ตั้งท้องไม่พร้อมหนีปัญหา แต่อยากให้เดินหน้าแก้ปัญหาอย่างมีสติ เพราะชีวิตยังมีโอกาสและเดินไปข้างหน้าได้เสมอหากยอมรับมันแล้วค่อยๆแก้ปัญหาไปที่ละอย่าง

“อยากบอกคุณแม่วัยรุ่นค่ะว่า ชีวิตยังมีทางเลือก และมีโอกาสตลอดเวลาถ้าไม่ได้เรียนตอนนี้คลอดลูกแล้วมาเรียนกศน.ก็จบได้เหมือนกันค่ะ”

แม้ชลิตาจะเป็นแม่วัยรุ่นที่ท้องไม่พร้อม แต่ด้วยพื้นฐานครอบครัวที่พร้อมจะให้อภัยและรับฟังกันทุกเรื่องทำให้ครอบครัวชลิตาประคับประคองจนเดินผ่านอุปสรรคสามารถเรียนจบการศึกษานอกโรงเรียนได้ตามที่ตั้งใจไว้

ปัจจุบัน เธอเรียนต่อการศึกษานอกโรงเรียนไปพร้อมกับการเปิดร้านเล็กๆ ขายก๋วยเตี๋ยวที่มีครอบครัวของเธอพ่อแม่และพี่สาวมาช่วยกันค้าขาย ทำให้แม้จุดเริ่มต้นของครอบครัวของเธอจะไม่เหมือนใคร แต่ก็สามารถเดินไปข่างหน้าได้เพราะเชื่อว่าไม่ว่จะเป็นครอบครัวที่พร้อม และไม่พร้อมต่างก็มีปัญหาไม่แตกต่างกันเพียงแต่ต้องมีสติในการแก้ไขร่วมกันไปก็จะหาทางออกเจอ

 


“ทุกชีวิตมีวิกฤติแต่ก็มีโอกาสหากไม่จำกัดตัวเองก็จะมองเห็น” มีนา ดวงราศี มูลนิธิเพื่อสุขภาพชุมชน จ.สุรินทร์ บอกว่า ไม่อยากให้มองว่าการมีครอบครัวแบบไม่พร้อมเป็นปัญหา เพราะความสัมพันธ์ของความครอบครัวมีหลากหลายและไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบไหนก็มีทางออกให้เสมอถ้าเรียนรู้เข้าใจและแก้ปัญหาร่วมกัน


มีนาบอกว่า การเรียนการสอนเรื่องเพศศึกษาในโรงเรียนอาจจะยังมีปัญหาเพราะเราไม่ได้สอนกันจากปัญหาจริงที่เกิดขึ้น ทำให้ในแต่ละปีมีแม่วัยรุ่นเพิ่มมากขึ้น โดยในจังหวัดสุรินทร์มีวัยรุ่นที่ท้องไม่พร้อมเพิ่มมากขึ้นโดยในปี2554มีประมาณ 300 คน อายุตั้งแต่ 15-20 ปี

ขณะที่มีรายงานว่าในปี 2547-2550 มีแม่วัยรุ่นทั่วประเทศอายุ 10-14 ปี สัดส่วนการคลอด 3.0 และค่อยๆ เพิ่มขึ้นในปี2551 เป็น 4.8 และวัยรุ่น 15-19 ปี เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 136.1 ต่อการเกิดมีชีพ 1,000 คน

ปัญหาของแม่วัยรุ่น หรือแม่ที่ท้องไม่พร้อม ไม่เพียงต้องแบกรับปัญหาความไม้เข้าใจของครอบครัว หากยังต้องแบกรับความพร้อมในการเลี้ยงลูกเพราะส่วนใหญ่เลี้ยงลูกไม่เป็น และ ปัญหาความยากจนทำให้ไม่มีเงินเลี้ยงลูก

มีนาเห็นว่า การเลี้ยงลูกไม่เป็นของแม่วัยรุ่นเป็นปัญหาใหญ่เพราหมายถึงการสร้างเยาวชนที่มีปัญหาเพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงเห็นว่าควรจะต้องมีกองทุนสนับสนุนหรือมีสวัสดิการเพื่อส่งเสริมให้มีโรงเรียนพ่อแม่เพื่อให้พวกเขาเลี้ยงดูบุตรของตัวเองได้ไม่มีปัญหา

การสร้างความเข้าใจกับสังคมและครอบครัวเป็นเรื่องสำคัญว่าทุกชีวิตมีโอกาสผิดพลาดได้ แต่จะให้โอกาสพวกเขาเหล่านั้นให้มีทางออกและลุกขึ้นเดินไปข้างหน้าได้อย่างไร

“ความจริงแล้วนอกจากสอนเรื่องเพศศึกษาในโรงเรียนแล้ว ควรจะมีโรงเรียนสอนพ่อแม่ เพราะการเลี้ยงลูกให้เติบโตเป็นเรื่องสำคัญกับอนาคตมากโดยเฉพาะการเปลี่ยนแลงของสังคมที่มีเทคโนโลยีมากขึ้น”

ความสำคัญของครอบครัวจึงถือเป็นกลไกขับเคลื่อนในการเปลี่ยนแปลงของประเทศไทยที่จะเข้สู่ยุค4.0 ที่โลกยุคใหม่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีจึงจำเป็นต้องพึ่งครอบครัวอบอุ่น เข้มแข็งที่ประกอบด้วย 3 ประการ คือ 1.การมีความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกครอบครัวปรับตัว เรียนรู้ อภัยให้กัน 2.บทบาทของแต่ละคนในครอบครัวที่ต้องทำหน้าที่ต่อกัน 3 การพึ่งพาตัวเองของครอบครัว

ปัจจัยทั้ง 3 ประการ นอกจากจะช่วยให้แม่วัยรุ่นท้องไม่พร้อมก้าวทันยโลกยุคใหม่ได้แล้ว ยังถือเป็นการเตรียมความพร้อมของครอบครัวไทยให้ทันโลกยุค4.0

ข่าวที่เกี่ยวข้อง