วันนี้ (25 ก.ย.2562) สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา เปิดเวทีรับฟังความเห็น ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ... เชิญภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย นักเรียน นักศึกษา ผู้ปกครอง องค์กร สมาคม ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริการองค์กรในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ รวมถึงภาคประชาชนรวม 800 คน ร่วมให้ความเห็น
แม้ ร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว จะผ่านการรับฟังความเห็นส่วนต่าง ๆ มาแล้วรอบใหญ่ ตามรัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งถูกบัญญัติไว้ในมาตรา 77 ว่า "ก่อนการตรากฎหมายทุกฉบับ รัฐพึงจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้อง วิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมายอย่างรอบด้าน และเป็นระบบ" แต่หลังผ่านช่วงเวลาการยกร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ฉบับใหม่มา 2 ปีเต็ม โดยคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา หรือ กอปศ. ซึ่งแต่งตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญฉบับเดียวกัน ให้ทำหน้าที่ศึกษา จัดทำข้อเสนอ และยกร่างกฎหมายที่จำเป็นต่อการปฏิรูปการศึกษา ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ... ฉบับสมบูรณ์ จึงถูกส่งให้ ครม.ประยุทธ์ 1 พิจารณา ตั้งแต่เดือน พ.ย.2561
"ทางวิบาก" กฎหมายการศึกษาชาติ
กระบวนการพิจารณาในชั้นคณะรัฐมนตรี มีแรงต้านจากกลุ่มครูและผู้บริหาร เช่น เรื่องเปลี่ยนชื่อเรียกตำแหน่ง "ผอ." เป็น "ครูใหญ่" และตัดเรื่องใบประกอบวิชาชีพ เป็น "ใบรับรองความเป็นครู" กอปศ.จึงถูกวิพากษ์วิจารณ์ ส่งผลให้ร่างกฎหมายการศึกษาชาติฉบับนี้ ถูกชะลอไว้ให้พิจารณาในรัฐบาลต่อไป
การเปิดเวทีรับฟังความเห็นโดยสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ในฐานะฝ่ายเลขานุการ หลังจาก กอปศ.หมดวาระตั้งแต่เดือน พ.ค.2562 จึงถือเป็นการนับ 1 อีกครั้ง เพื่อเดินหน้าร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ในวันที่ร่างกฎหมายอยู่ในมือคณะกรรมการกฤษฎีกา ภายใต้รัฐบาลใหม่ แต่มีผู้นำคนเดิม
เมื่อร่างกฎหมายเดิม มีทั้งผู้เห็นด้วย และเห็นต่าง โดยส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยในส่วนที่เกี่ยวข้องกับผู้ประกอบวิชาชีพ ทำให้เวทีวันนี้ ที่แบ่งห้องย่อยเป็น 4 เวที ได้รับความสนใจไม่เท่ากัน
โดยพบว่า "ห้องครูและบุคลากรทางการศึกษา" มีผู้สนใจมากที่สุด ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเสริมเก้าอี้ถึงหน้าประตู มีการแสดงความเห็นกันคึกคัก ทำให้ผู้กำกับเวทีต้องควบคุมเวที ขณะที่อีก 3 ห้อง คือ ผู้เรียน ภาคประชาชน และนักวิชาการ มีผู้เข้าร่วมบางตา
คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.กระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานเปิดเวทีแทน รมว.กระทรวงศึกษาธิการ ระบุว่า ยกหน้าที่ให้สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา รวบรวมความเห็นต่าง พร้อมยืนยันว่า "ส่งรายละเอียดมาแบบไหน กระทรวงศึกษาธิการก็จะเสนอต่อไปตามนั้น" หวังให้เสร็จสมบูรณ์และบังคับใช้ได้ทันปีนี้
ด้าน เลขาธิการสภาการศึกษา ยังไม่ยืนยัน เนื่องจากความเห็นในเวทียังหลากหลาย คาดว่าต้องต่อเวลาอย่างน้อย 1 เดือน ในการเปิดเวทีรับฟังเพิ่มเติมอย่างน้อย 1 ครั้งในเดือน ต.ค.ที่จะถึงนี้ ส่วนสาระสำคัญ จะถูกปรับแก้ในทิศทางที่ตรงใจทุกฝ่ายหรือไม่ ขึ้นกับคณะกรรมการกฤษฎีกาจะพิจารณาในขั้นตอนต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เครือข่ายการศึกษาจวกนโยบายกว้าง "ไปไม่สุด"
ส่องนโยบายพรรคการเมือง "การศึกษา"