“กลาโหม” ยอมรับขอตำแหน่งสัญญาณมือถือของประชาชนจริง อ้างป้องกัน COVID-19

การเมือง
8 มิ.ย. 63
23:56
4,943
Logo Thai PBS
“กลาโหม” ยอมรับขอตำแหน่งสัญญาณมือถือของประชาชนจริง อ้างป้องกัน COVID-19

วันนี้ (8 มิ.ย.2563) น.ส.สฤณี อาชวานันทกุล นักวิชาการอิสระ และนักเขียนชื่อดัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Sarinee Achavanuntakul - สฤณี อาชวานันทกุล ระบุว่า

มีคนส่งเอกสารชุดนี้มาให้ค่ะ เป็นหนังสือจากกระทรวงกลาโหมถึง กสทช. และหนังสือจากกรมควบคุมโรคถึง กสทช. ขอให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือส่งข้อมูลตำแหน่งสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ย้อนหลัง 14 วัน ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ รวมถึงข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ของทุกคนที่เคยอยู่ในบริเวณเดียวกันกับผู้ติดเชื้อ เพื่อส่ง SMS แจ้งเตือน และเพื่อดำเนินการสอบสวนโรคทั้งหมดนี้อ้างอำนาจตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรค ประกอบ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ

 

อ่านเอกสารฉบับเต็ม

หนังสือกระทรวงกลาโหมขอข้อมูลโทรศัพท์เคลื่อนที่ไปให้กรมควบคุมโรค

อ่านแล้วก็เกิดคำถามสามข้อทันที อยากให้ช่วยกันถามดังๆ และอยากให้สื่อมวลชนไปถามกระทรวงกลาโหม กสทช. กระทรวงดีอี กรมควบคุมโรค และ TRUE, AIS, DTAC ด้วย

1.กระทรวงกลาโหมเกี่ยวอะไรด้วยกับเรื่องนี้ กระบวนการสอบสวนโรคควรเป็นเรื่องของกรมควบคุมโรคล้วนๆ และหนังสือนี้มีมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2563 แล้ว ทำไมกระทรวงกลาโหม / กสทช. / กรมควบคุมโรค ถึงไม่เคยเปิดเผยกระบวนการนี้ให้ประชาชนรับรู้เลย ทั้งที่จะใช้ข้อมูลส่วนบุคคล?

2.หนังสือทั้งสองฉบับออกตั้งแต่เดือนเมษายน 2563 ก่อนวันเปิดตัวโครงการ "ไทยชนะ" เกือบหนึ่งเดือน เกิดคำถามทันทีว่า แล้วทำไมต้องมีโครงการ "ไทยชนะ" อีก ในเมื่อข้อมูลเบอร์และสัญญาณมือถือที่ขอตามหนังสือนี้ก็มากเกินพอแล้วต่อการสอบสวนโรค (แถมละเอียดและครอบคลุมกว่าข้อมูล QR code ที่ได้จาก "ไทยชนะ" หลายเท่า)

เชื่อว่าจนถึงวันนี้คนไทยทั้งประเทศไม่รู้เลยว่ามีกระบวนการนี้อยู่ นึกว่ามีแต่ "ไทยชนะ" เท่านั้นที่เป็นการใช้ข้อมูลมือถือช่วยกระบวนการสอบสวนโรค (และอย่าลืมว่า สามสัปดาห์ผ่านไป "ไทยชนะ" ก็ไม่ได้โปร่งใสแม้แต่น้อย เรายังคงไม่รู้ว่าใครใช้ข้อมูลเหล่านั้นบ้างและเอาไปทำอะไรบ้าง)

3.วันนี้บริษัทมือถือทั้งสามเจ้ามีการส่งข้อมูลให้กรมควบคุมโรคทุกวัน ตามขั้นตอนที่ระบุในหนังสือนี้แล้วหรือไม่ การส่งข้อมูลเป็นไปตามระบบและนโยบายการคุ้มครองข้อมูล (data governance) ขององค์กรหรือไม่ (ที่ผู้ให้บริการทุกเจ้าได้ปรับปรุงแล้วเพื่อให้เป็นไปตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล)

 

ต่อมา “มติชนออนไลน์” สัมภาษณ์ พล.อ.รักศักดิ์ โรจน์พิมพ์พันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน กระทรวงกลาโหม ถึงเอกสารดังกล่าว

พล.อ.รักศักดิ์กล่าวว่า เอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารฉบับจริง เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการสอบสวนโรค เนื่องจากเราได้มีการพูดคุยในที่ประชุมวงเล็ก โดยเรียกฝ่ายเทคนิคของกระทรวงกลาโหม มาสอบถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะขอติดตามสัญญาณโทรศัพท์ของผู้ติดเชื้อโควิด-19 และผู้ใกล้ชิดทั้งหมด โดยที่ประชุมได้ยกตัวอย่างกรณีสนามมวย ที่มีคนเข้าร่วมชมมวย 2,800 คน แต่จากการสอบถามกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข สามารถติดตามมาได้เพียง 800 คน ส่วนที่เหลือไม่ยอมมาตรวจและไม่สามารถติดตามตัวได้

หากเรารู้ข้อมูลสัญญาณโทรศัพท์ทั้ง 2,800 คน ที่อยู่ในสนามมวย เราก็จะสามารถส่งข้อความไปแจ้งเตือนได้ทันที จนเป็นที่มาของการเชิญผู้ประกอบการค่ายโทรศัพท์มือถือทั้ง 5 ค่าย โดยมีสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เข้ามาควบคุมอีกชั้นหนึ่ง โดยการทำโปรแกรมดังกล่าว กรมควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุข จะเป็นผู้ดำเนินการ ในส่วนของกระทรวงกลาโหม ถือว่าเป็นความหวังดี ที่บูรณาการจัดการประชุมร่วมกันเพื่อหารือถึงความเป็นไปได้ จนได้ข้อสรุปว่าสามารถทำได้ จึงดำเนินการทำหนังสือแจ้งไป เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการสิบสวนโรค

เมื่อถามว่า มีหลายฝ่ายมองว่า เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน พล.อ.รักศักดิ์กล่าวว่า กระทรวงกลาโหมไม่ได้นำข้อมูลของประชาชนไปทำอะไร เป็นเพียงการระดมความคิดเห็น เพื่อหาแนวทางการป้องกันการระบาดของโรค และที่สำคัญโปรแกรมดังกล่าวยังไม่ได้บังคับใช้ เพราะเพิ่มทำเสร็จเมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างการทดสอบของรายแรกอยู่ เพื่อเตรียมความพร้อมหากมีการระบาดของโรคในรอบสอง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง