วันนี้ ( 25 ส.ค.63) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ชี้ว่า การจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2 และ 3 ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 แต่จากฟังคำชี้แจงของกองทัพเรือมีเหตุผลและความจำเป็น จึงขอความเป็นธรรมต่อคณะกรรมาธิการงบประมาณเพื่อพิจารณา
เรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำ เป็นเรื่องของกรรมาธิการฯที่จะพิจารณางบฯในสภาฯ จะได้ข้อสรุปอย่างไรก็ต้องรอฟัง ผมไม่จำเป็นต้องไปสั่งการอะไรเพิ่มเติม เมื่อฟังคำชี้แจงของกองทัพเรือก็มีเหตุผลและความจำเป็น นี่ขึ้นอยู่กับคณะกรรมาธิการ ก็ฝากกราบเรียนในส่วนของคณะกรรมาธิการว่าให้ความเป็นธรรมด้วย ในส่วนของหลาย ๆ อย่าง หลายกระทรวงก็ถูกตัดงบประมาณไปหลายกิจกรรมด้วยกัน ทั้งเรื่องของการศึกษา เศรษฐกิจและอะไรต่าง ๆ ส่วนใหญ่ก็เป็นงบประมาณของประชาชน และอันนี้เป็นงบประมาณของส่วนความมั่นคงก็ถูกตัดออกไปอีก ก็ต้องพิจารณาว่าจะเดินหน้าไปได้อย่างไร จะหาวิธีการแก้ปัญหาได้อย่างไร
ส่วน พล.ร.ท.ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ รองเสนาธิการทหารเรือ และในฐานะโฆษกกองทัพเรือ ปฏิเสธที่จะชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมในประเด็นการจัดซื้อเรือดำน้ำ โดยอ้างว่า กองทัพเรือไม่มีนโยบายให้สัมภาษณ์แต่ได้ยืนยันต่อความชัดเจนในคำชี้แจงที่ผ่านมา และย้ำว่าไม่อยากให้นำเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำไปจุดประเด็นทางการเมืองอีก
ส่วนสาเหตุที่กองทัพเรือแถลงตอบโต้ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เนื่องจากกองทัพเรือถูกล่าวหาถึงความโปร่งใสในการจัดซื้อเรือดำน้ำทั้งที่ทุกอย่างเป็นไปตาม ขั้นตอนที่ถูกต้อง ดังนั้นเมื่อ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เข้าใจคลาดเคลื่อนจึงต้องอธิบายเพื่อให้เกิดความเข้าใจ ส่วนใครจะชอบหรือไม่ก็คงห้ามกันไม่ได้ และแม้ว่ากองทัพเรือจะมีหรือไม่มีเรือดำน้ำ กองทัพเรือก็พร้อมที่จะทำงานตามภารกิจหน้าที่ต่อการปกป้องอธิปไตยของประเทศ โดยเฉพาะการดูแล ความมั่นคงทางทะเล และช่วยเหลือประชาชนอย่างสุดความสามารถ ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นและไว้วางใจ