ตรวจสอบบริษัทระดมทุนซื้อข้าว เสียหายหลายพันล้านบาท

อาชญากรรม
22 ก.ย. 63
08:50
6,058
Logo Thai PBS
ตรวจสอบบริษัทระดมทุนซื้อข้าว เสียหายหลายพันล้านบาท
ผู้เสียหายร้อง สคบ.และ บก.ปคบ. เพื่อขอให้ ตรวจสอบบริษัทมหาชน ตั้งอยู่ที่ จ.ร้อยเอ็ด อ้างมีใบอนุญาตขายตรง และชักชวนระดมทุน เพื่อซื้อข้าวกอระ มีเงินปันผลทุกวัน ไม่ต้องหาคนเพิ่มก็ได้เงิน พบมีผู้สมัครทั่วประเทศเกือบ 50,000 รหัส คาดเสียหายหลายพันล้านบาท

วันนี้ (22 ก.ย.2563) น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ ผู้ก่อตั้งองค์การต่อต้านแชร์ลูกโซ่ พร้อมตัวแทนผู้เสียหาย 20 คนจากหลายจังหวัด ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ พ.ต.อ.ประทีป เจริญกัลป์ เลขานุการกรม สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. เพื่อให้ตรวจสอบใบอนุญาต แผนการตลาด โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังก่อสร้าง และสินค้าอื่นๆ เพราะขณะนี้ส่วนใหญ่ผู้ที่ลงทุนซื้อข้าวกอระหรือข้าวหอมมะลิออร์แกนิค และอาหารเสริม ยังไม่ได้รับเงินปันผลตามที่บริษัทกล่าวอ้าง จึงได้เรียกร้องขอเงินทุนคืนจากผู้บริหารบริษัท


ส่วนแผนการลงทุน คือ เริ่มต้นซื้อ 1ชุด เป็นเงิน 5,350 บาท จะได้ข้าวสาร 10 - 22 กิโลกรัม ซึ่งแต่ละคนจะได้ไม่ตรงกัน มีเงินปันผลทุกวัน วันละ1-150บาท และจ่ายโบนัสทุก 7 วัน เช่นลงทุน 5,000 บาท +ค่าส่ง350บาท จะได้ผลกำไร 9,000 บาทภายใน 60วัน หากแนะนำสมาชิกต่อจะมีรายได้เป็นขั้นที่1-8 ได้ค่าแนะนำเริ่มต้นร้อยละ 4-6

หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า บริษัทนี้ก่อตั้งเมื่อ13 มี.ค.63 ไม่มีใบอนุญาตขายตรงจาก สคบ. ต่อมาเปลี่ยนมาเป็นอีกบริษัทหนึ่งซึ่งมีใบอนุญาตขายตรงอยู่แล้ว นอกจากนี้กรณีไม่จ่ายเงินปันผลนานประมาณ 2 เดือนแล้ว ทางบริษัทชี้แจงว่าระบบคอมพิวเตอร์มีปัญหา และมีความผิดพลาดทางนโยบายของบริษัท

 

นอกจากนี้ยังพบว่าช่วงแรกๆบริษัทนี้ ได้ออกรายการโทรทัศน์หลายช่องเกี่ยวการดำเนินธุรกิจและช่วยเหลือชาวนาไม่ให้ถูกกดขี่เรื่องราคาโดยเฉพาะที่ทุ่งกุลาร้องไห้ จึงสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้ลงทุน โดยแต่ละคนเริ่มลงทุนตั้งแต่เดือน เม.ย-ก.ค.63 ทางบริษัทโฆษณาว่า ไม่ต้องหาสมาชิกเพิ่มก็ได้เงิน แต่หากหาสมาชิกก็ยิ่งมีรายได้ และมีโบนัสแจกมากมายเช่น รถยนต์หรูและทองคำ

การลงทุนครั้งแรก ที่ได้ผลตอบแทนจริง ทำให้มีคนนำเงินมาลงทุนจำนวนมากตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักล้านบาท ต่อมาประมารเดือน 5 ทางบริษัทเริ่มไม่จ่ายผลตอบแทน ทำให้เกิดความเสียหายขึ้น โดยทางบริษัทอ้างว่าจะทยอยจ่ายเงินปันผลให้

 

 


นอกจากนี้ผู้เสียหายยังเข้าร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการปราบปราม การกระทำความผิดเกี่ยวกับคุ้มครองผู้บริโภค หรือ บก.ปคบ. โดย พ.ต.ท.สง่า เอี่ยมงาม รอง ผกก.สอบสวน กก.2 บก.ปคบ.กล่าวว่า จะพิจารณารับเรื่องโดยขั้นตอนต่อไปคือเรียกผู้เสียหายมาสอบปากคำทั้งหมด และจะประสานกับสคบ.เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทเพิ่มเติม รวมถึงหากมีความเสียหายจำนวนมาก ก็จะประสานกับตำรวจเศรษฐกิจ นอกจากนี้หากถามถึงคดีเกี่ยวกับขายตรง พบว่าปีนี้เกิดขึ้นมากกว่าปีที่ผ่านมา แม้ปีนี้จะมีสถานการณ์ระบายของCOVID-19 ก็ตาม


ส่วนกลุ่มคนตาบอดและผู้เสียหายในคดีเก่าธุรกิจขายตรง ทรูเฟรนด์ ได้มาติดตามถามความคืบหน้า เรื่องค่าปรับและการเยียวยาผู้เสียหายด้วยเช่นกัน ซึ่งทางเลขานุการกรม (สคบ.)กล่าวว่ากำลังเร่งดำเนินการในเรื่องนี้อยู่ นอกจากนี้ทางหน่วยงาน ได้เตือนภัยประชาชนเรื่องการลงทุนขอให้ใช้ความระมัดระวัง และตรวจสอบก่อนการลงทุนเสมอ 

หากประชาชนมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับขายตรงแบบไม่ตรง และเกี่ยวกับผู้บริโภค ติดต่อสอบถามได้ที่ สายด่วน สคบ. โทร 1166 หรือ 02-143-0440 ส่วนไกล่เกลี่ยออนไลน์ อ่านรายละเอียดได้ที่ http://dmediate.ocpb.go.th หรือร้องเรียนและปรึกษาได้ที่ บก.ปคบ.สายด่วน 1135

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง