ความคืบหน้าหลังเหตุการณ์ท่อก๊าซของบริษัท ปตท.ในพื้นที่ ต.เปร็ง อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ระเบิดทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บมากกว่า 60 คน บ้านเรือนทรัพย์สินของชาวบ้านและสถานีตำรวจภูธรเปร็งได้รับความเสียหายหนัก
จากการลงพื้นที่สำรวจ พบว่า ยังหลงเหลือกลิ่นก๊าซอยู่เบาบางในบริเวณจุดเกิดเหตุ บ้านเรือนและตัวอาคารที่ตั้งติดกับแนวท่อก๊าซธรรมชาติและสายไฟฟ้าแรงสูงทิ้งร่องรอยความเสียหายจากแรงระเบิดและการเผาไหม้ เหลือให้เห็นเพียงโครงสร้าง
เข้าวันที่ 2 นับจากเกิดเหตุ มีเพียงเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าเก็บกู้ ตรวจสอบที่เกิดเหตุ รวมทั้งเริ่มประเมินโครงสร้างบ้านว่ายังสามารถซ่อมแซมเพื่อกลับเข้ามาอาศัยได้เช่นเดิมหรือไม่
ห่างออกมาจากที่เกิดเหตุไม่ไกลเป็นที่ตั้งของโรงเรียนเปร็งสุทธาธิบดี แม้เป็นจุดที่เสียหายน้อยสุดในรัศมีประมาณ 500 ม. แต่รังสีความร้อนและแรงระเบิดก็ทำให้กระจกอาคารแตกเสียหาย รถที่จอดอยู่บางส่วนละลายปลั๊กไฟหลายจุดในตัวอาคารหลอมละลาย
ขณะที่การลงพื้นที่ของวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ นำโดยนายธเนศ วีระศิริ นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย เพื่อดูความแข็งแรงของโครงสร้างอาคารเรียน 2 หลัง ซึ่งประเมินเบื้องต้นจากรอยแตกกำลังคอนกรีตด้วยเครื่องอัลตร้า โซนิก แม้โดยรวมพบว่า โครงสร้างส่วนใหญ่ยังแข็งแรงใช้งานต่อได้ แต่ก็มีจุดเปราะบางจากรอยแตกเดิมของอาคารเก่าที่ได้รับความร้อนและแรงระเบิด มีความสุ่มเสี่ยงพังและเกิดอันตรายโดยเฉพาะจุดใต้อาคารเก่าที่นักเรียนใช้รับประทานอาหาร
อีกส่วนที่น่ากังวล และต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติมอย่างละเอียดอีกครั้ง ระหว่างทีมวิศวกรอาสาและเจ้าหน้าที่ บริษัท ปตท.ก็คือ ระบบไฟฟ้า ภายในซึ่งอาจได้รับความเสียหายต่อเนื่องจากอุปกรณ์ไฟฟ้าภายนอกที่พลากสติกหลอมละลาย ทั้งนี้วิศวกรรมสถานฯให้คำแนะนำโรงเรียนควรงดการเรียนการสอนต่ออีกระยะ เพื่อตรวจสอบระบบและโครงสร้างอย่างละเอียดจนกว่าจะมั่นใจในความปลอดภัย
ขณะที่เฟซบุ๊กโรงเรียนเปร็งวิสุทธาธิบดี ต.เปร็ง อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นโรงเรียนใกล้พื้นที่เกิดเหตุท่อส่งก๊าซระเบิด ได้แจ้งผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊กของโรงเรียน ว่า "เนื่องจากสถานการณ์ท่อก๊าซระเบิดบริเวณใกล้โรงเรียน ทางโรงเรียนจึงขอประกาศงดการสอบปลายภาค และปิดภาคเรียนตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และให้นักเรียนมาเรียนในวันเปิดภาคเรียน ในวันที่ 1 ธ.ค.นี้