วันนี้ (30 ส.ค.2564) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.รายงานสถานการณ์ COVID-19 ระบุว่า กรมอนามัย รายงานข้อมูลหญิงตั้งครรภ์และทารกแรกเกิดติดเชื้อ COVID-19 ตั้งแต่ 1 เม.ย. - 28 ส.ค.2564 จำนวน 2,542 คน เป็นทารกติดเชื้อ 134 คน ในจำนวนนี้มีมารดาเสียชีวิต 68 คน และทารกเสียชีวิต 24 คน
โดย 10 จังหวัดที่มีหญิงตั้งครรถ์ติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพฯ 488 คน สมุทรสาคร 449 คน ปทุมธานี 101 คน สมุทรปราการ 93 คน นราธิวาส 87 คน สงขลา 87 คน ตาก 86 คน ยะลา 80 คน พระนครศรีอยุธยา 77 คน และขอนแก่น 63 คน
ขณะที่ข้อมูลจำนวนยอดฉีดวัคซีน COVID-19 ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. - 29 ส.ค.64 พบว่า หญิงตั้งครรภ์ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 37,357 คน หรือ ร้อยละ 7.5 เข็มที่ 2 จำนวน 3,533 คน หรือร้อยละ 0.7 จากเป้าหมายจำนวน 500,000 คน
นพ.ทวีศิลป์ ระบุว่า จากสถานการณ์ขณะนี้มาตรการ 608 คือ ผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป หญิงตั้งครรภ์ และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง จึงได้เข้ามาแทรกเพื่อให้ได้รับวัคซีนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของวัคซีนที่ได้มาตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จึงต้องสื่อสารให้เข้าใจและขออภัยด้วยเพื่อเพื่อลดอัตราการป่วยหนัก และเสียชีวิตให้กลุ่มเสี่ยงก่อน
5 จังหวัดติดโควิดสูงสุดรายสัปดาห์
นอกจากนี้ กรมควบคุมโรค ยังได้รายงานข้อมูล จำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในประเทศรายสัปดาห์ โดยพบว่า จ.สมุทรปราการ มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นสูงสุด จากวันที่ 17-23 ส.ค.64 จำนวน 8,156 คน สัปดาห์ 24-30 ส.ค.64 จำนวน 10,546 คน เพิ่มขึ้น 2,390 คน โดยเพิ่มขึ้นจากการปรับปรุงระบบรายงาน หรือ คลีนข้อมูล ทำให้มีตัวเลขเพิ่มขึ้นมาก
อันดับ 2 คือ จ.ระยอง 17-23 ส.ค.64 จำนวน 2,108 คน สัปดาห์ 24-30 ส.ค.64 จำนวน 2,826 คน เพิ่มขึ้น 718 คน จากคลัสเตอร์โรงงาน
อันดับ 3 จ.ภูเก็ต 17-23 ส.ค.64 จำนวน 633 คน สัปดาห์ 24-30 ส.ค.64 จำนวน 1,165 คน เพิ่มขึ้น 502 คน เกิดจากคลัสเตอร์ชุมชนแออัดในพื้นที่
อันดับ 4 จ.ตราด 17-23 ส.ค.64 จำนวน 173 คน สัปดาห์ 24-30 ส.ค.64 จำนวน 615 คน เพิ่มขึ้น 442 คน เนื่องจากคลัสเตอร์โรงงาน
อันดับ 5 จ.กาญจนบุรี 17-23 ส.ค.64 จำนวน 2,056 คน สัปดาห์ 24-30 ส.ค.64 จำนวน 2,391 คน เพิ่มขึ้น 335 คน เนื่องจากคลัสเตอร์โรงงาน
5 จังหวัดผู้ติดเชื้อรายสัปดาห์ลดลง
ส่วนที่ตัวเลขลดลงรายสัปดาห์ อันดับที่ 1 คือ จ.สมุทรสาคร 17-23 ส.ค.64 จำนวน 11,302 คน สัปดาห์ 24-30 ส.ค.64 จำนวน 7,044 คน ลดลง 4,258 คน
อันดับที่ 2 คือ จ.ชลบุรี 17-23 ส.ค.64 จำนวน 8,338 คน สัปดาห์ 24-30 ส.ค.64 จำนวน 6,308 คน ลดลง 2,030 คน
อันดับที่ 3 คือ จ.ศรีสะเกษ 17-23 ส.ค.64 จำนวน 2,431 คน สัปดาห์ 24-30 ส.ค.64 จำนวน 1,140 คน ลดลง 1,291 คน
อันดับที่ 4 คือ จ.นครปฐม 17-23 ส.ค.64 จำนวน 3,556 คน สัปดาห์ 24-30 ส.ค.64 จำนวน 2,349 คน ลดลง 1,207 คน
อันดับที่ 5 คือ จ.นนบุรี 17-23 ส.ค.64 จำนวน 4,350 คน สัปดาห์ 24-30 ส.ค.64 จำนวน 3,188 คน ลดลง 1,162 คน
จับตา 1 เดือน ประเมินปรับมาตรการโควิด
นพ.ทวีศิลป์ ยังระบุอีกว่า สำหรับข้อกำหนดที่ออกมาและจะบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ย.นั้น ที่ประชุม ศบค.ไม่ใช้คำว่า "ปลดล็อกหรือผ่อนคลาย" แต่ใช้คำว่า "ปรับมาตรการ" โดยยึดหลัก Smart Control and Living with Covid-19 เพื่อเผชิญหน้ากับ COVID-19 คล้ายกับบางประเทศ
ในส่วนการห้ามจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคยังบังคับใช้ต่อไป แต่ปรับตัวเลขการรวมกลุ่มกัน โดยแบ่งเป็น พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จำกัดไม่เกิน 25 คน พื้นที่ควบคุมสูงสุด ไม่เกิน 50 คน และพื้นที่ควบคุมไม่เกิน 100 คน
นอกจากนี้ ข้อกำหนดในครั้งนี้ยังกำหนดให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมมาตรการภาครัฐและแผนการเกี่ยวกับการจัดหาและจัดสรรวัคซีน ยา เครื่องมือแพทย์ โรงพยาบาลสนาม สถานพยาบาล และเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั้งส่วนบุคคล องค์กร ผู้ประกอบการแต่ละประเภท รับทราบและแนะนำแนวปฏิบัติเพื่อป้องกันการติดเชื้อ โดยเฉพาะมาตรการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention for COVID-19) สำหรับการจะบังคับใช้ในอนาคตด้วย
สำหรับผู้ประกอบการให้ใช้มาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร (Covid Free Setting) เพื่อลดความเสี่ยงต่อการแพร่โรคของสถานที่ กิจการหรือกิจกรรมที่ได้อนุญาตให้เปิดดำเนินการได้ เพื่อเตรียมความพร้อม โดยให้มีการประเมินผลภายใน 1 เดือน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ไทยป่วยโควิดรายวัน 15,972 คน เสียชีวิตเพิ่ม 256 คน
ราชกิจจานุเบกษา ออกประกาศข้อกำหนด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ฉบับที่ 32
ศบค.คลายล็อก 1 ก.ย. เปิดห้างฯ ทุกแผนก - นั่งในร้านอาหารได้