วันนี้ (26 ส.ค.2565) ผู้เสียหายที่ถูกหลานอดีตรัฐมนตรีก่อเหตุล่วงละเมิดทางเพศ เข้าพบนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความ เพื่อขอปรึกษาทางคดีเพิ่มเติม หลังไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.โชคชัย เมื่อ 2 วันก่อน ให้ดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ พร้อมนำหลักฐานทั้งการสนทนาผ่านทางไลน์และผลการตรวจร่างกาย เพื่อให้ตำรวจไปขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหา แต่หลังจากแจ้งความแล้วได้ตรวจสอบสำนวนของตำรวจ พบว่า ไม่ได้นำหลักฐานการสนทนาทางไลน์ไปอยู่ในสำนวนด้วย ขณะนี้ศาลยังไม่ออกหมายจับ แต่ให้พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกมาพบก่อน
นายษิทรา กล่าวว่า ข้อความดังกล่าวถือว่าเป็นหลักฐานสำคัญในสำนวนคดี เนื่องจากมีการสนทนาระหว่างผู้เสียหายกับผู้ก่อเหตุว่าในช่วงหลังเกิดเหตุทำอะไรไปบ้าง รวมทั้งการให้กินยาบางชนิดที่ผู้ก่อเหตุอ้างว่าเป็นยาคุมฉุกเฉิน แต่ขณะนี้ในไลน์เริ่มมีการลบข้อความสำคัญไปบางส่วนแล้ว แต่ผู้เสียหายได้เก็บหลักฐานไว้แล้ว
ขณะที่ผู้เสียหาย ยืนยันว่า จะดำเนินคดีจนถึงที่สุด เพราะรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่ได้ยินยอมที่จะถูกล่วงละเมิดทางเพศ รวมทั้งกลัวว่าจะถูกแทรกแซงทางคดี จึงให้นายษิทรามาช่วยดูแลคดี ส่วนการเข้าไปขอตรวจสอบสำนวนแล้วไม่พบว่ามีหลักฐานสำคัญชิ้นนี้ เมื่อสอบถามตำรวจบอกว่า เก็บไว้ที่สถานีตำรวจ แต่ไม่ได้บอกเหตุผลว่าเหตุใดไม่ใส่หลักฐานชิ้นนี้ในสำนวน
ส่วนการข่มขู่ผู้เสียหาย ที่ก่อนหน้านี้มีการโทรศัพท์มาบอกว่าให้หยุดดำเนินคดี เพราะกำลังจะลงเล่นการเมืองนั้น ผู้เสียหาย ระบุว่า หลังจากเดินทางมาพบกับนายษิทรา ก็ไม่มีโทรศัพท์มาข่มขู่อีก
ส่วนห้องพักที่เกิดเหตุ นายษิทราได้พยายามขอติดต่อเจ้าของที่พัก เพื่อจะเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุร่วมกับผู้เสียหายแล้ว แต่เจ้าของห้องพักปฏิเสธการจอง โดยญาติผู้เสียหาย บอกว่า ห้องพักนี้จะให้เฉพาะชายคนนี้เข้าไปพัก โดยที่ไม่รู้ว่า ในช่วงที่เกิดเหตุมีการถ่ายคลิปวิดีโอไว้หรือไม่
นายษิทรา กล่าวว่า หลังจากนี้จะไปพบกับพนักงานสอบสวน สน.โชคชัย อีกครั้ง เพื่อสอบถามสาเหตุที่ไม่นำหลักฐานชิ้นนี้รวมในสำนวน ขณะที่พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกให้ชายคนนี้เข้ามาพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 29 ส.ค.นี้ หากยังไม่มาพบ ทางผู้เสียหายและนายษิทราจะขอให้นำหลักฐานชิ้นนี้ไปขอให้ศาลออกหมายจับ เพราะเชื่อว่าเป็นข้อความสำคัญที่ยอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุล่วงละเมิด