"ทหารพรานหญิงมุสลิม" ต้องปรับตัวทำหน้าที่ในช่วงเดือนรอมฎอน

6 ส.ค. 55
13:37
62
Logo Thai PBS
"ทหารพรานหญิงมุสลิม" ต้องปรับตัวทำหน้าที่ในช่วงเดือนรอมฎอน

ความจำเป็นต้องออกไปประกอบศาสนากิจทุกวันของเจ้าหน้าที่และผู้นับถือศาสนาอิสลามทำให้เดือนกรกฎาคม มีผู้เสียชีวิตกว่า 20 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องปรับยุทธวิธีเพื่อความปลอดภัย เช่น การจัดกำลังคุ้มกันเพื่อนทหารที่นับถือศาสนาอิสลามขณะไปมัสยิด หรือ ห้ามแต่งเครื่องแบบเมื่ออยู่นอกเวลาราชการ

ผ้าคลุมละมาดถูกเก็บป้องกันฝุ่นไว้เป็นอย่างดีบนหัวเตียงของอาสาสมัครทหารพราน (หญิง) จุฑาพร ดุลยเสวี สังกัดกรมทหารพรานที่ 44 จังหวัดปัตตานีเพื่อประกอบศาสนกิจภายในบ้านน็อกดาวน์ ซึ่งอยู่ในค่ายทหารพรานที่ 44 อำเภอปานาเระ จังหวัดปัตตานี และแม้ว่า เธอจะเป็นทหารพรานหญิงเพียงคนเดียวที่นับถือศาสนาอิสลามในบ้านพักหลักนี้ แต่ความเชื่อที่แตกต่างไม่ได้มีปัญหาในทางปฎิบัติ ทั้งการถือศีลอดที่เพื่อน ๆ ทุกคนล้วนให้เกียรติไม่รับประทานอาหารต่อหน้า หรือ หัวหน้างานที่เลือกให้เธอทำงานที่ไม่หนักมากเพื่อเปิดโอกาสได้ประกอบศาสนกิจอย่างสะดวก

ซึ่งเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นกับอาสาสมัครทหารพรานมุกตา ยาเซ๊ง ที่ถูกยิงเสียชีวิตขณะไปออกไปซื้อหาอาหารเพื่อละศีลอดในอำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี หรือเพื่อนทหารบางคนที่ถูกทำร้ายขณะไปละมาดทำให้เธอยิ่งเสียใจ และ รู้ดีว่า ไม่มีใครรอดพ้นจากการทำร้ายของคนกลุ่มนี้แม้แต่ครอบครัวของเธอเอง ซึ่งพ่อเคยถูกยิง หรือ ตัวเธอที่ถูกข่มขู่ด้วยการนำภาพถ่ายของคนตายพร้อมข้อความจะเอาชีวิตมาวางหน้าบ้าน

โดยการออกไปปฎิบัติศาสนกิจนอกกรมกองของทหารชาวไทยมุสลิมในเดือนรอมฎอน จึงง่ายต่อการตกเป็นเป้าหมายทำให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยมีคำสั่งให้ทหารทุกนายที่ต้องการไปมัสยิดจะต้องมีเพื่อนทหารชาวไทยพุทธคอยคุ้มกัน หรือ การออกไปซื้ออาหารเพื่อละศีลอดนอกค่ายต้องปฎิบัติไม่ซ้ำเวลาและในการใช้ชีวิตนอกเวลานอกราชการ จะต้องไม่สวมเครื่องแบบเพื่อความปลอดภัย

ในเดือนกรกฎาคมเพียงเดือนเดียวมีผู้เสียชีวิตจากเหตุความไม่สงบ 42 คนเป็นคนไทยพุทธ 20 คน และ มุสลิม 20 คน ที่เหลืออีก 2 คนไม่สามาระบุศาสนาได้ ส่วนผู้บาดเจ็บรวม 92 คนมีสัดส่วนของคนไทยพุทธและมุสลิมใกล้เคียงกันสะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนทั้งสองฝ่าย ล้วนตกเป็นเหยื่อของสถานการณ์ความรุนแรงนี้


ข่าวที่เกี่ยวข้อง