ราคาใหม่สุรา-บุหรี่ มีผลวันนี้ หลังครม.มีมติเห็นชอบปรับขึ้นภาษี
สุราขาวเก็บตามปริมาณแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ลิตรละ 120 บาท ถูกปรับเป็นลิตรละ 150 บาท สุราผสม จากลิตรละ 300 บาท เป็น 350 บาท สุราบรั่นดีลิตรละ 400 บาท ส่วนการขึ้นภาษีบุหรี่ จากที่เก็บตามราคาหน้าโรงงาน ร้อยละ 85 จะเปลี่ยนเป็นเก็บตามปริมาณบุหรี่ในซอง ทำให้บุหรี่ทุกซองต้องเสียภาษีอย่างน้อยซองละ 20 บาท นั่นจะทำให้บุหรี่ต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นซองละ 6-8 บาท ซึ่งการปรับขึ้นภาษีครั้งนี้ จะทำให้กรมสรรพสามิตมีรายได้เพิ่มขึ้นปีละ1 หมื่นล้านบาท
ข้อมูลการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพสามิตในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา การจัดเก็บภาษีสุรา เบียร์ และยาสูบมีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยกเว้นปี 2549 และปี 2552 ยอดการจัดเก็บลดลง เพราะรัฐบาลมีการปรับขึ้นอัตราภาษี
โดยในปี 2549 กรมสรรพสามิตเก็บภาษียาสูบ 35,657 ล้านบาท ลดลง 2,536 ล้านบาท จากปี 2548 เนื่องจากการปรับขึ้นอัตราภาษียาสูบเป็นร้อยละ 79 ของมูลค่า ทำให้การบริโภคยาสูบลดลง ส่วนภาษีเบียร์จัดเก็บได้ 44,207 ล้านบาท ลดลง 1,276 ล้านบาท เนื่องจากช่วงปลายปีงบประมาณ 2548 ผู้ผลิตเบียร์ขอชำระภาษีล่วงหน้า 2,000 ล้านบาท
ปี 2552 จัดเก็บภาษีสุราและยาสูบเพิ่มขึ้น แต่ยอดการจัดเก็บภาษีเบียร์จัดเก็บได้ 48,993 ล้านบาท ลดลง 4,472 ล้านบาท เนื่องจาก รัฐบาลมีการปรับอัตราภาษีเบียร์จากร้อยละ 55 เป็น ร้อยละ 60% ของมูลค่า ทำให้การบริโภคเบียร์ลดลง ซึ่งจากตัวเลขการจัดเก็บภาษีสุรา บุหรี่ ตะมีการจัดสรรร้อยละ 2 ของภาษีที่จัดเก็บได้ เข้า สสส. ทำให้รายได้ของสสส.ตั้งแต่ปี 2545-2554 ได้รับไปแล้วประมาณ 24,403 ล้านบาท
ทั้งนี้ ภาษีเหล้า-บุหรี่ เป็นแหล่งรายได้แรก ๆ ที่ทุกรัฐบาลจัดเก็บ โดยประโยชน์ของการขึ้นภาษีเหล้าและบุหรี่ คือ เงินภาษีที่เก็บเข้าคลัง และเมื่อราคาเหล้าและบุหรี่แพงขึ้น จะทำให้คนสามารถเลิกเหล้าเลิกบุหรี่ได้ ซึ่งคณะรัฐมนตรีให้เหตุผลการปรับขึ้นภาษีครั้งนี้ว่าเป็นไปตามแผนรณรงค์ลด ละ เลิกสุรา และบุหรี่