โดยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนภาพให้เห็นว่า ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้านและกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง ต่างขยับขับเคลื่อนจุดยืนและแนวทางของตัวเอง ภายใต้ยุทธศาสตร์ที่ว่าด้วยการแย่งชิงพื้นที่ข่าวและช่วงชิงกระแสสังคม เพื่อสร้างมวลชนให้กับฝ่ายตัวเอง
ภาพการเยือนอังกฤษอย่างเป็นทางการไม่เพียงจะย้ำถึงความสัมพันธ์ที่มีต่อกันเท่านั้น แต่ยังยืนยันถึงภารกิจอันสำคัญยิ่ง ที่นายกรัฐมนตรี จำเป็นจะต้องเดินทางออกนอกประเทศ เช่นเดียวกับการเยือนไทยอย่างเป็นทางการในวันที่ 18 พ.ย.ของนายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และนายเหวิน เจีย เป่า นายกรัฐมนตรีของจีน ในวันที่ 21 พ.ย.ซึ่งเป็นอีกหนึ่งภารกิจที่สำคัญเหนือกำหนดการอื่นใด
แต่ด้วยช่วงเวลาที่ใกล้เคียงจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจตามญัตติของฝ่ายค้าน ที่เป็นภารกิจหลักของฝ่ายนิติบัญญัติ ก็ทำให้บางฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า พรรคเพื่อไทย วางยุทธศาสตร์ตีกัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกจากเกมป่วนทางการเมือง
รัฐบาลเปิดเกมรุกด้วยคำสั่งกระทรวงกลาโหม กรณีถอดยศและเรียกเบี้ยหวัดคืนจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน พร้อมกับการเคลื่อนไหวของโฆษกพรรคเพื่อไทยและอดีต ส.ว.สรรหา ที่ยื่นตีความคุณสมบัติการเป็นส.ส.เพื่อเชื่อว่าผลแห่งคำสั่ง คือการปลดออกจากราชการ และทำให้สถานะขัดต่อรัฐธรรมนูญ เป็นเหตุให้ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจที่แนบท้ายชื่อเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อาจเป็นโมฆะ
ขณะเดียวกันก็มีกระแสว่า รัฐบาลพยายามลดมวลชนฝ่ายตรงข้าม ผ่านการแจ้งข้อมูลด้านการข่าว อาจเกิดเหตุรุนแรงในการชุมนุมขับไล่รัฐบาลขององค์การพิทักษ์สยาม หรือ อพส.พร้อมคำสั่งเตรียมกำลังตำรวจดูแลรักษาความปลอดภัย 50,000 นาย
และแม้จะถูกรุกอย่างหนักพรรคประชาธิปัตย์ ก็เข้ายื่นฟ้องต่อศาลปกครองว่าคำสั่งกระทรวงกลาโหมไม่ชอบด้วยกฎหมาย ถือเป็นการแก้เกมอย่างทันควัน พร้อมกับตอกย้ำว่าด้วยเหตุนี้ จึงไม่ไว้วางใจ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต และควรแก่การถูกถอดถอน
ขณะที่กลุ่มพันธมิตรฯมีมติไม่เข้าร่วมแต่ยกเลิกกิจกรรมของกลุ่ม ทำถูกมองว่าสนับสนุนมวลชนเข้าร่วมชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยาม แม้แกนนำจะออกตัวไม่เกี่ยวข้องก็ตาม เช่นเดียวกับกรณีแนวร่วม นปช.กลุ่มหนึ่งประกาศชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาลหวังเผชิยหน้ากับ อพส. แต่แกนนำ นปช.ระบุไม่เกี่ยวข้องด้วยนับเป็นบริบทที่เกี่ยวข้องกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย ภายใต้ยุทธศาสตร์ ช่วงชิงพื้นที่ข่าว แย่งชิงกระแส โดยต่างฝ่ายต่างก็หวังสร้างมวลชนสนับสนุน ก่อนจะถึงวันดีเดย์ 24 - 28 พ.ย.นี้