พณ. กำชับ อาจต้องใช้มาตรการรับมือผู้ค้าฉวยโอกาสขึ้นราคาไข่ไก่

กระทรวงพาณิชย์ย้ำว่า อาจต้องใช้มาตรการทางกฎหมายกับผู้ค้าไข่ไก่ ที่ปรับขึ้นราคาเกินกว่าข้อตกลงที่ได้ทำความเข้าใจร่วมกัน ขณะที่ผู้ค้า ขอความเป็นธรรมในการปรับราคาที่ไม่สอดคล้องกับราคาต้นทุน

นายมงคล พิพัฒน์สัตยาวงศ์ สมาคมผู้ผลิตและผู้ส่งออกไข่ไก่ ระบุว่า ไม่อยากให้รัฐบาลนำกรณีการปรับราคาไข่ไก่ มาเป็นประเด็นทางการเมือง แต่ควรพิจารณาอย่างเป็นธรรม ปล่อยให้เป็นไปตามกลไกการตลาด เนื่องจากการปรับราคาไข่ไก่ในขณะนี้ เป็นผลมาจากอากาศที่ร้อนจัด การออกไข่ลดลง ปริมาณไข่ออกสู่ตลาดลดลงมีเพียง 30 ล้านฟอง ต่ำกว่าปริมาณความต้องการที่ 32 ล้านฟองต่อวัน ดังนั้นเมื่อไข่ไก่มีราคาแพงจนผู้บริโภครับไม่ได้ สุดท้ายราคาก็จะปรับตัวลดลง ซึ่งทุกอย่างจะเป็นไปตามกลไกการตลาด โดยที่รัฐบาลไม่ควรเข้ามาแทรกแซงราคา เพราะจะทำให้เกิดการบิดเบือนกลไกตลาด

นายมงคลกล่าวด้วยว่า จากสถิติราคาไข่ประจำวันตั้งแต่เดือน มกราคม - พฤษภาคม 2556 พบว่า ราคาเฉลี่ยหน้าฟาร์มยังอยู่ที่ ฟองละ 2.70 บาท ต่ำกว่าต้นทุนการผลิตเฉลี่ยที่ฟองละ 2.90 - 3.00 บาท ปัจจุบันราคาขยับขึ้นเป็นฟองละ 3.20 - 3.30 บาท ถือว่าไม่มากจนผู้บริโภครับไม่ได้

ขณะที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า จากที่ได้รับรายงานสถานการณ์ราคาไข่ไก่คละจากกรมการค้าภายใน พบว่าบางพื้นที่จำหน่ายราคาไข่ไก่คละโดยเฉลี่ยอยู่ ที่ 3.30 บาทต่อฟอง แต่อาจมีบางพื้นที่ที่ประชาชนมีการร้องเรียนเข้ามาว่า ราคาไข่ไก่โดยเฉลี่ยสูงกว่าราคาแนะนำของกรมการค้าภายใน จึงได้สั่งการเจ้าหน้าที่กรมการค้าภายในบางจังหวัดที่มีราคาไข่แพงไปดำเนินการชี้แจง ทำความเข้าใจกับผู้ค้าว่า ราคาไข่ไก่คละโดยเฉลี่ยจะต้องไม่เกิน 3.30 บาทต่อฟอง เพราะราคาต้นทุนดังกล่าวเป็นราคาที่ทางกลุ่มผู้เลี้ยงและผู้ค้าไข่ไก่ รวมถึงห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ เห็นชอบในการประชุมร่วมกันเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์ จึงมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการทางด้านกฎหมาย มากำกับดูแลกับกลุ่มผู้ที่ฉวยโอกาสปรับขึ้นราคา ซึ่งมีโทษกำหนดตามกฎหมาย ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ คือ จำคุกไม่เกิน 7ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหลังจากนี้ จะขอรอดูสถานการณ์ราคาไข่ไก่ในอีก 3-4 วันนี้ก่อน ซึ่งหากราคาไข่ไก่โดยรวมยังไม่ดีขึ้น จะเชิญหน่วยงานภาครัฐและเอกชนมาประชุมหารืออีกครั้ง