ดีเอสไอเตรียมออกมาตรการดำเนินคดีผู้ครอบครองรถยนต์หรูเลี่ยงภาษี
โดยผู้ถือครองที่นำรถไปดัดแปลงสภาพในลักษณะดังกล่าว จะมีโทษในการหลีกเลี่ยงภาษี เท่ากับผู้ประกอบการที่เป็นตัวการในการหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้ารถยนต์
อธิบดีดีเอสไอยังมีคำเตือนไปยังผู้ครอบครอบรถยนต์ว่า ดีเอสไอพยายามดูแลผู้ครองครองรถ ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ถูกผู้ประกอบการหลอกลวง แต่หากผู้ครอบครองไปหลงเชื่อผู้อื่น นำรถไปดัดแปลงสภาพ ข้อสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จะตกไป โดยน่าจะถูกดำเนินคดีฐานหลบเลี่ยงภาษีทันที จึงอยากขอให้ผู้ครอบครองนำรถนำรถเข้ามารับการตรวจสภาพ และนำเอกสารการนำเข้ามามอบให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบด้วย
ส่วนผู้ครอบครองรถที่หลบเลี่ยงภาษีที่ไม่แสดงตนนำรถเข้าตรวจสอบ สำหรับรถยนต์จดประกอบอีกกว่า 6,000 คัน หลังจากนี้ดีเอสไอ จะไม่ไปติดตามจับกุมหรือยึดรถยนต์เป็นรายคัน แต่จะประสานให้กรมการขนส่งทางบกไม่อนุญาตให้ต่อทะเบียนประจำปี ซึ่งจะส่งผลให้รถจดประกอบหลีกเลี่ยงภาษีกลายเป็นรถผิดกฎหมาย (รถเถื่อน) ไม่สามารถนำมาใช้บนท้องถนนได้ รวมทั้งไม่สามารถโอนขายรถยนต์ได้
ด้าน พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผู้บัญชาการสำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค กล่าวว่า วันนี้เวลา 13.00 น พนักงานสอบสวนได้นัดหมาย นายนฤนาท และนายธนันท์ ควรสวัสดิ์ 2 ผู้ต้องหาคดีรถหรูที่ถูกเพลิงไหม้ใน จ.นครราชสีมา เข้าให้ปากคำเพิ่มเติม โดยพนักงานสอบสวนจะสอบสวนขยายผลถึงความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับผู้ประกอบการรายหนึ่ง ที่ครอบครองรถยนต์หรู 28 คัน
โดยผู้ประกอบการรายนี้มีความเกี่ยวข้องกับขบวนการปลอมแปลงหมายเลขเครื่อง นำไปยื่นจดทะเบียน รวมถึงผู้ทีมีชื่อครอบครองรถหรูจำนวนมากรายอื่นด้วย ซึ่งหากพนักงานสอบสวนมีพยานหลักฐานเพียงพอจะเร่งขออนุมัติหมายจับ เนื่องจากเป็นกลุ่มบุคคลที่มีพฤติการณ์นำเข้ารถหรูเลี่ยงภาษีรายใหญ่