ไทยเตรียมแนวทางรับคำตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร

การเมือง
11 พ.ย. 56
03:07
39
Logo Thai PBS
ไทยเตรียมแนวทางรับคำตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร

คณะทำงานฝ่ายไทยซักซ้อมความเข้าใจร่วมกันครั้งสุดท้าย ก่อนที่ศาลโลกจะอ่านคำพิพากษาตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร ในวันนี้ (11 พ.ย.) ขณะที่นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ชวนคนไทยรอฟังแถลงท่าทีประเทศไทยหลังมีคำตัดสิน พร้อมย้ำว่า จะรักษาสัมพันธ์ที่ดีของไทย-กัมพูชาต่อไป

เฟซบุ๊ก "Yingluck Shinawatra" ของนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการแสดงท่าทีของนายกรัฐมนตรีต่อกรณีคำตัดสินปราสาทพระวิหาร ระบุว่า รัฐบาลได้ต่อสู้คดีมาอย่างต่อเนื่องและเต็มที่ และไม่ว่าผลของคำตัดสินของศาลโลกจะออกมาเป็นเช่นไร ไทยและกัมพูชาจะต้องเจรจาหารือกันเพื่อให้ได้ข้อยุติที่เป็นที่ยอมรับได้ของทั้ง 2 ฝ่าย

สำหรับคำตัดสินของศาลโลกนั้นจะมีรายละเอียดที่สำคัญ ซึ่งรัฐบาลและทีมทนายจะต้องพิจารณาศึกษาด้วยความรอบคอบ โดยต้องคำนึงถึงขั้นตอนตามกฎหมาย ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมีประโยชน์สูงสุดของประเทศไทยเป็นที่ตั้ง โดยในช่วงค่ำหลังมีคำตัดสินรัฐบาลจะมีแถลงการณ์ถึงท่าทีของประเทศไทย ซึ่งขอเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนรอรับฟังท่าทีดังกล่าวด้วย

ขณะที่ กลุ่มชุมชนคนไทยและนักเรียนไทยในประเทศเนเธอร์แลนด์ ร่วมกันทำหนังสือเพื่อให้กำลังใจและสนับสนุนการทำงานของคณะทำงานด้านกฎหมายในคดีปราสาทพระวิหาร ที่มีนายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเฮก เป็นหัวหน้าคณะ โดยเห็นว่า ได้ทำงานอย่างเสียสละ เพื่อปกป้องรักษาผลประโยชน์ของชาติ ตลอดช่วงการต่อสู้คดี

ส่วนการเตรียมความพร้อมของคณะทำงานต่อสู้คดีปราสาทพระวิหาร นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ประชุมคณะทำงานฝ่ายไทย ทั้งในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศ และกองทัพอย่างไม่เป็นทางการ

จากนั้นได้ทดสอบระบบการถ่ายทอดสดในช่วงที่ศาลโลกจะอ่านคำพิพากษาและการแถลงสรุปหลังทราบผลคำพิพากษา เพื่อให้มีความพร้อมมากที่สุดและเข้าถึงประชาชนเร็วที่สุด จากนั้นจะเป็นการหารือแบบเต็มคณะเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อแบ่งงานและซักซ้อมความเข้าใจร่วมกัน

ส่วนการดูแลสถานการณ์ในช่วงที่จะมีคำตัดสินคดี แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมคณะ ได้ร่วมประชุมนอกรอบ เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ในพื้นที่กับทหารกัมพูชา โดย พล.ท.ชาญชัย ภู่ทอง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า กองทัพภาคที่ 2 และภูมิภาคทหารที่ 4 กัมพูชา มีความสัมพันธ์ผ่านความร่วมมือของคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย - กัมพูชา หรือ RBC ได้มีความร่วมมือกันพัฒนาชายแดนด้วยดี

สำหรับการหารือครั้งนี้ ได้หารือกัน 4 ประเด็น ได้แก่ 1. การเตรียมการรองรับคำตัดสินศาลโลก รัฐบาลของทั้ง 2 ฝ่ายได้เห็นชอบให้ใช้กลไกคณะกรรมาธิการว่าด้วยความร่วมมือ ไทย กัมพูชา หรือ JC ในส่วนของกองทัพภาคที่ 2 รับนโยบายดูแลพื้นที่ชายแดน ให้อยู่ในสภาวะปกติ ด้วยการประสานงานกับกัมพูชาอย่างใกล้ชิด

2.แม้นว่าศาลโลกจะตัดสินอย่างไร ขอให้ทั้ง 2 ฝ่ายวางกำลังในที่มั่นเดิม ส่วนการแก้ปัญหาให้เป็นหน้าที่รัฐบาล

3. ในระหว่างวันที่ 10 - 12 พ.ย.ทั้งไทยกัมพูชาขอติดต่อสื่อสารผ่านทางโทรศัพท์ หรือช่องอื่นที่สะดวกอย่างใกล้ชิดเป็นรายชั่วโมง หรือตามความเหมาะสม เพื่อป้องกันการเข้าใจผิด

4. ทุกฝ่ายเข้าใจดีถึงความตื่นตระหนกของประชาชน แต่ขอให้ทั้ง 2 ฝ่ายควบคุมไม่ให้ขยายวงกว้าง ปัจจุบันได้ปรากฏข่าวการอพยพประชาชนออกนอกพื้นที่ในฝั่งกัมพูชา เป็นเหตุให้ประชาชนชาวไทยเกิดความตื่นตระหนกไม่มั่นใจในสถานการณ์เช่นกัน จึงขอให้กัมพูชาชี้แจงทำความเข้าใจไม่ให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนกด้วย

ด้าน พล.อ.เจีย มอน รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 เปิดเผยว่า ทหารกัมพูชาและไทย ได้พูดคุยเข้าใจกันเป็นอย่างดี ขอให้เชื่อมั่น เพราะการพูดคุยครั้งนี้ล้วนแล้วแต่เป็นนายทหารระดับแม่ทัพในระดับภูมิภาค ของ 2 ประเทศ และไม่ว่าศาลโลกจะตัดสินใจอย่างไร ก็จะปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล


ข่าวที่เกี่ยวข้อง