“วัฒนา” ระบุจับ 8 คน โพสต์ภาพนายกฯ ไม่เข้าข่ายผิดม.116 ชี้ไม่ได้เป็นภัยมั่นคง-แค่ให้ดูตลก

การเมือง
30 เม.ย. 59
11:46
723
Logo Thai PBS
“วัฒนา” ระบุจับ 8 คน โพสต์ภาพนายกฯ ไม่เข้าข่ายผิดม.116 ชี้ไม่ได้เป็นภัยมั่นคง-แค่ให้ดูตลก
วัฒนา เมืองสุข โพสต์เฟซบุ๊ค ระบุกรณีจนท.จับ 8 คน ข้อหาตัดต่อภาพล้อเลียนนายกฯ อ้างทำผิดกฎหมายอาญา มาตรา 116 ทั้งที่จริงไม่เข้าข่าย ความผิดที่เกี่ยวกับความมั่นคง ปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่อง แต่ทำเพราะแค่อยากให้ดูเป็นตัวตลก ไร้ความสามารถ

วันนี้ (30 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอสออนไลน์รายงานว่า เวลาประมาณ 09.00 น. นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ค Watana Muangsook ระบุว่า “เอากันแบบนี้เลยเหรอ” โดยมีข้อความว่า นักกฎหมายทั่วโลกคงตกตะลึงกับข่าวการจับกุมมือโพสต์ทั้ง 8 คน ที่ล้อเลียนทางการเมือง โดยนำภาพของนายกรัฐมนตรี พร้อมนำคำพูดขำๆ มาใส่ จากนั้นจะนำคำพูดพร้อมภาพประกอบโพสต์ลงในเพจ แต่ถูกดำเนินคดีในศาลทหารในข้อหาความผิดต่อความมั่นคงของรัฐฯ และไม่ได้รับการประกันตัว

ความผิดตามมาตรา 116 แห่งประมวลกฎหมายอาญา จะต้องมีเจตนาพิเศษคือ “เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร” แต่เจตนาที่แท้จริงของมือโพสต์ทั้ง 8 ปรากฏตามคำขอฝากฝังของพนักงานสอบสวนคือ คนเหล่านี้ต้องการทำให้รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีเป็นตัวตลก ไร้ความสามารถในการบริหารประเทศ ซึ่งดูแล้วก็ตรงกับพฤติกรรมที่กระทำที่นำเอาคำพูดขำๆ มาใส่ ดังนั้นการกระทำของมือโพสต์ทั้ง 8 คน จึงไม่ครบองค์ประกอบความผิดต่อความมั่นคงของรัฐตามที่พนักงานสอบสวนกล่าวหา

 

นักกฎหมายส่วนใหญ่คงเคยได้ยินภาษิตกฎหมายโรมันที่ว่า Inter arma silent leges แปลเป็นไทยคือ “ท่ามกลางอาวุธ กฎหมายย่อมไม่มีเสียง” คำกล่าวนี้แสดงให้เห็นว่า การใช้อำนาจอาวุธแทนที่กฎหมายนั้น เป็นวิถีปกติของสังคมมนุษย์และเกิดขึ้นมานานแล้ว โดยเฉพาะในสภาวะที่ประเทศไม่มีความเป็นประชาธิปไตย ประชาชนย่อมไม่มีหลักประกันแห่งเสรีภาพ การล้อเลียนผู้นำที่ทำกันมาทุกสมัยและไม่เคยถือเป็นความผิดมาก่อน แม้กระทั่งนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันยังเคยกล่าวในทำนองล้อเลียนอดีตนายกรัฐมนตรีว่า “ก้มหน้าอ่านโพย” ซึ่งเป็นคำกล่าวที่ทำให้อดีตนายกรัฐมนตรีดูเป็นตัวตลก และไร้ความสามารถเช่นกัน ซึ่งไม่เป็นความผิด แต่พอตัวเองถูกล้อเลียนบ้าง กลับถือเป็นความผิดขนาดเป็นภัยต่อความมั่นคง

ข้อความระบุอีกว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวทำนองไม่ชอบคนที่เปิดประตูให้คนนอกมาทำลายประเทศ แต่ท่านคงลืมไปว่า ประชาคมโลกมีหลักการสำคัญคือ การไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่น (non interference) ยกเว้นมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนประชาคมโลกก็จะเข้าแทรกแซงตามหลักการที่สหประชาชาติเรียกว่า “การแทรกแซงเพื่อมนุษยธรรม” (humanitarian intervention)

ดังนั้นการที่ประชาคมโลกสามารถเข้ามาเกี่ยวข้องกับเราได้ แปลว่าไทยเรากำลังมีการละเมิดสิทธิมนุษยชน คนที่ทำละเมิดต่างหาก คือคนที่เปิดประตูและสมควรถูกประณาม ระวังการดำเนินคดีข้างต้นที่ผู้ทำมีเจตนาเพียงต้องการล้อเลียนผู้นำ แต่กลายเป็นภัยต่อความมั่นคงเพื่อเอาพลเรือนไปขึ้นศาลทหาร ซึ่งขัดกับข้อ 10 ของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (UDHR) และ ข้อ 14 ของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) อันเป็นพันธกรณีระหว่างประเทศที่เราลงนามผูกพันไว้และต้องปฏิบัติตาม อย่าลืมโกรธคนที่ตั้งข้อกล่าวหาด้วย เพราะนั่นคือคนที่เปิดประตูให้ประชาคมโลกเข้ามา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง