คืนนี้จับตาสภาคองเกรสสหรัฐฯ รับรองขยายเพดานก่อหนี้

ต่างประเทศ
1 ส.ค. 54
14:50
13
Logo Thai PBS
คืนนี้จับตาสภาคองเกรสสหรัฐฯ รับรองขยายเพดานก่อหนี้

แม้ประธานาธิบดีสหรัฐจะประกาศว่า แกนนำของพรรคการเมืองอเมริกันทั้ง 2 พรรค บรรลุข้อตกลงเพิ่มเพดานการก่อหนี้สหรัฐในที่สุด หลังต่อรองกันอย่างเข้มข้นนานถึง 11 ชั่วโมง แต่ปัญหาไม่ได้คลี่คลายทั้งหมด เนื่องจากต้องรอลุ้นว่า สภาคองเกรสสหรัฐจะให้การรับรองร่างมติดังกล่าว เพื่อหลีกเลี่ยงหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์หรือไม่

นายบารัค โอบาม่า ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศว่า แกนนำพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันของทั้งสองสภาสามารถบรรลุข้อตกลงในนาทีสุดท้ายเพื่อเพิ่มเพดานการก่อหนี้ของสหรัฐได้ในที่สุด ซึ่งแม้แผนการนี้อาจจะไม่ใช่แผนการที่ดีที่สุดแต่มีความจำเป็น และเรียกร้องให้ ส.ส. และ ส.ว.ลงมติรับรองร่างดังกล่าวเพื่อป้องกันไม่ให้สหรัฐต้องผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

แม้แกนนำ ส.ส.และ ส.ว.ของพรรคการเมืองทั้ง 2 พรรคจะตกลงกันได้ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าแผนนี้จะผ่านการรับรองของสภาคองเกรสหรือไม่ ซึ่งนายแฮรี รีด ผู้นำสมาชิกเสียงข้างมากวุฒิสภาค่อนข้างเชื่อมั่นว่าสมาชิกสภาสูงจะให้การรับรอง แต่ปัญหาสำคัญคือการลงมติในสภาล่าง

 ซึ่งนางแนนซี เพโลซี ผู้นำ ส.ส.เสียงข้างน้อยของเดโมแครต ระบุว่าส.ส.เดโมแครตอาจไม่รับรองร่างมตินี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ ส.ส.เดโมแครตไม่เห็นด้วยกับการปรับลดค่าใช้จ่ายภาครัฐโดยไม่มีการขึ้นภาษีคนรวย และ ต้านการปรับลดค่าใช้จ่ายในโครงการสวัสดิการสังคม ด้านพรรครีพับลิกันอาจมีแรงต้านจาก ส.ส.ในกลุ่มที ปาร์ตี ที่เห็นว่า ปรับลดงบประมาณน้อยไปโดยคาดว่า การลงมติของทั้งสองสภาจะมีขึ้นในคืนนี้ตามเวลาไทยเพื่อให้ทันก่อนเส้นตายครบกำหนดชำระหนี้ในวันที่ 2 ส.ค.

 สำหรับร่างแผนการเพิ่มเพดานการก่อหนี้ฉบับล่าสุดได้ข้อสรุปจะเพิ่มเพดานการก่อหนี้ประมาณ 2.4 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐ และ จะตัดลดค่าใช้จ่ายในจำนวนเงินเทียบเท่ากันในระยะเวลา 10 ปีโดยจะแบ่งเป็น 2 ช่วง คือช่วงแรก รัฐบาลจะกู้ยืมเพิ่มได้ทันทีราว 9,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ และ ต้องปรับลดงบประมาณราว 9170 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ส่วนช่วงที่ 2 จะต้องตั้งคณะกรรมาธิการร่วมสภาคองเกรสขึ้นพิจารณารายละเอียดการปรับลดค่าใช้จ่าย เพื่อแลกกับการขยายเพดานหนี้ที่เหลืออีกประมาณ 1.5 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ

การบรรลุข้อตกลงของแกนนำ 2 พรรคทำให้หุ้นในตลอดเอเชียปรับตัวสูงขึ้นรับข่าวดีทั้งตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง จีน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ไต้หวัน สิงคโปร์ อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ท่ามกลางความยินดีของนานาชาติ เช่นญี่ปุ่น ที่หวังว่าร่างที่ออกมาจะช่วยให้การซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์มีเสถียรภาพ ขณะที่อียู มองว่าสหรัฐเดินมาถูกทางแล้ว

 แต่ยังไม่ชัดเจนว่าร่างที่ได้ออกมานี้จะเพียงพอที่จะสร้างความเชื่อมั่นแก่บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือทางเศรษฐกิจหรือไม่ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ บริษัทเหล่านี้ออกมาเตือนว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอาจส่งผลต่อสถานะความน่าเชื่อถือในระดับทริปเปิ้ลเอของสหรัฐฯ ซึ่งหากถูกปรับลดจะส่งผลกระทบต่ออัตราดอกเบี้ยในประเทศ ค่าเงินดอลล่าร์จะตกต่ำเงินลงทุนไหลออกและสร้างความปั่นป่วนต่อเศรษฐกิจโลก
 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง