ชาวอียิปต์ชี้ไต่สวน
การเปิดพิจารณาคดีอดีตประธานาธิบดีอียิปต์เมื่อวานนี้ก็ได้ขจัดความขุ่นข้องหมองใจให้กับชาวอียิปต์ที่มีเรื่อยมานับตั้งแต่วันที่ “มูบารัค” ถูกโค่นอำนาจ พร้อมเชื่อว่า กระบวนการยุติธรรมที่ทุกคนเสมอภาคเท่าเทียมกันภายใต้กฎหมายแบบนี้ คือวิธีเรียกเสถียรภาพให้กลับคืนมาสู่อียิปต์อีกครั้ง
เมื่อหัวหน้าคณะผู้พิพากษาบอกให้ขานชื่อเพื่อเริ่มคำให้การต่อข้อกล่าวหาที่ถูกฟ้องทั้งหมด อดีตประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค วัย 83 ปี ซึ่งนอนอยู่บนเตียงในชุดนักโทษและขังไว้ด้วยกรงเหล็กก็ตอบว่า "ใช่ครับ ผมมาอยู่ที่นี่แล้ว และขอให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา" นอกจากนี้ บุตรชายของนายมูบารัคทั้ง 2 คน และอดีตเจ้าหน้าที่รัฐอีก 6 คน ซึ่งถูกดำเนินคดีในครั้งนี้ด้วยก็ปฏิเสธข้อกล่าวหาเช่นเดียวกัน
การพิจารณาคดีครั้งนี้เป็นแบบไต่สวนสาธารณะ และมีการถ่ายทอดสอดผ่านทางโทรทัศน์ของรัฐไปทั่วประเทศ
อัยการในฐานะทนายความของแผ่นดินยื่นฟ้องต่อศาลว่า อดีตประธานาธิบดีมูบารัคกระทำผิดทั้งสิ้น 8 ข้อกล่าวหา ซึ่งรวมถึงคบคิดกันกับเจ้าหน้าที่เบียดบังยักยอกทรัพย์สินของรัฐไปเป็นสมบัติส่วนตัว และสั่งฆ่าผู้ประท้วงอย่างน้อย 850 คน
ชาวอียิปต์ได้แรงบันดาลใจการปฏิวัติประชาชนมาจากตูนีเซียและได้ลุกฮือขึ้นขับไล่ประธานาธิบดีมูบารัค ซึ่งกุมอำนาจมานานกว่า 30 ปี โดยเหตุการณ์นี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อ "การลุกฮือ 18 วัน" โดยในที่สุดนายมูบารัคต้องยอมสละอำนาจเมื่อวันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา และได้ลี้ภัยไปยังเมืองชาร์มเอลชีค ซึ่งเป็นสถานที่พักตากอากาศชื่อดังของอียิปต์บริเวณทะเลแดง
นายมูบารัคถูกจับกุมเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากป่วยด้วยโรคหัวใจ จึงได้ถูกอายัดตัวไว้ภายในโรงพยาบาลเมืองชาร์มเอลชีค โดยมีการใช้เครื่องบินลำเลียงตัวนายมูบารัคมาเข้ารับการพิจารณาคดีครั้งนี้
หลังแจ้งข้อกล่าวหาและรับทราบคำให้การ ผู้พิพากษาจึงได้สั่งเลื่อนการพิจารณาคดีเป็นครั้งต่อไปในวันที่ 15 ส.ค.นี้
สำหรับเสียงสะท้อนของชาวอียิปต์ต่อการพิจารณาดีนายมูบารัคในครั้งนี้พบว่า ประชาชนทั่วประเทศพร้อมใจกันรอชมผ่านทางหน้าจอโทรทัศน์ ซึ่งรวมถึงทีวีจอยักษ์ที่ติดตั้งไว้บริเวณลานโรงเรียนตำรวจในกรุงไคโรแห่งนี้ ซึ่งเป็นสถานที่ที่จัดให้มีการไต่สวนสาธารณะครั้งนี้
นักวิชาการในอียิปต์ชี้ว่า การเปิดพิจารณาคดีอดีตประธานาธิบดีมูบารัคครั้งนี้ได้ขจัดความขุ่นข้องหมองใจให้กับชาวอียิปต์ที่มีเรื่อยมานับตั้งแต่วันที่นายมูบารัคถูกโค่นล้ม ซึ่งเชื่อกันว่าอาจมีการปกป้องช่วยเหลือกันจากฝ่ายกองทัพที่เข้ามารับมอบอำนาจการบริหารประเทศ ส่วนความรู้สึกของชาวอียิปต์นั้น ส่วนใหญ่เห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้กระทำความผิดจะปฏิเสธความผิดที่ตนได้กระทำ
สำหรับชาวเมืองชาร์มเอลชีคและนักท่องเที่ยวต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ความเสมอภาคเท่าเทียมกันภายใต้กฎหมายแบบนี้คือวิธีเยียวยาความแตกแยกของคนในชาติ และจะทำให้อียิปต์กลับมามีเสถียรภาพอีกครั้ง