โปรดเกล้าฯ พ.ร.บ.ติดตามผู้หลบหนีการปล่อยชั่วคราวโดยศาล

สังคม
26 ก.ย. 60
15:47
7,184
Logo Thai PBS
โปรดเกล้าฯ พ.ร.บ.ติดตามผู้หลบหนีการปล่อยชั่วคราวโดยศาล

วันนี้ (26 ก.ย.2560) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ พ.ร.บ.มาตรการกํากับและติดตามจับกุมผู้หลบหนีการปล่อยชั่วคราวโดยศาล พ.ศ.2560 โดยมีรายละเอียดดังนี้

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ให้ไว้ ณ วันที่ 22 ก.ย.2560 เป็นปีที่ 2 ในรัชกาลปัจจุบัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยมาตรการกํากับและติดตามจับกุมผู้หลบหนีการปล่อยชั่วคราวโดยศาล จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคําแนะนําและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติทําหน้าที่รัฐสภา ดังต่อไปนี้

มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติมาตรการกํากับและติดตามจับกุมผู้หลบหนีการปล่อยชั่วคราวโดยศาล พ.ศ.2560”

มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกําหนด 30 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา 3 ในพระราชบัญญัตินี้ “เงินสินบน” หมายความว่า เงินที่จ่ายให้แก่ผู้แจ้งความนําจับตามพระราชบัญญัตินี้ “เงินรางวัล” หมายความว่า เงินที่จ่ายให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้จับตามพระราชบัญญัตินี้ “ผู้กํากับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราว” หมายความว่า บุคคลซึ่งได้รับแต่งตั้งจากศาลให้เป็นผู้สอดส่องดูแล รับรายงานตัว หรือให้คําปรึกษาผู้ถูกปล่อยชั่วคราวเพื่อป้องกันการหลบหนีหรือภัยอันตราย หรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างที่ได้รับการปล่อยชั่วคราว “ผู้แจ้งความนําจับ” หมายความว่า บุคคลเดียวหรือหลายคนซึ่งชี้ช่องหรือแจ้งเบาะแสแก่ทางราชการ จนทางราชการสามารถจับกุมผู้ต้องหาหรือจําเลยที่ได้รับการปล่อยชั่วคราวโดยศาลซึ่งหลบหนีได้ แต่ต้องมิใช่เจ้าหน้าที่ผู้จับ ผู้ประกัน บุคคลซึ่งเป็นหลักประกัน หรือบุคคลซึ่งเป็นเจ้าของหลักประกัน ในการขอปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจําเลยนั้น “เจ้าหน้าที่ผู้จับ” หมายความว่า พนักงานฝ่ายปกครองหรือตํารวจตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญาซึ่งจับกุมผู้ต้องหาหรือจําเลยที่ได้รับการปล่อยชั่วคราวโดยศาลซึ่งหลบหนี และให้หมายความรวมถึงราษฎรผู้จับตามที่เจ้าพนักงานผู้จัดการตามหมายจับขอความช่วยเหลือด้วย “ก.บ.ศ.” หมายความว่า คณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการ ศาลยุติธรรม

มาตรา 4 ในกรณีที่ศาลมีคําสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวโดยกําหนดเงื่อนไขให้ผู้ที่ถูกปล่อย ชั่วคราวปฏิบัติเพื่อป้องกันการหลบหนีหรือภัยอันตรายหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นตามมาตรา 108 วรรค 3 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ศาลอาจมีคําสั่งแต่งตั้งบุคคลใดเป็นผู้กํากับดูแล ผู้ถูกปล่อยชั่วคราวเพื่อให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวก็ได้ บุคคลตามวรรคหนึ่งต้องมิใช่เจ้าพนักงานซึ่งมีอํานาจหน้าที่โดยตรงในการดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราว ตามที่ ก.บ.ศ. กําหนด ผู้ประกัน บุคคลซึ่งเป็นหลักประกัน หรือบุคคลซึ่งเป็นเจ้าของหลักประกัน ในการขอปล่อยชั่วคราว คุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม การแต่งตั้ง และการปฏิบัติหน้าที่ของผู้กํากับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราว ให้เป็นไปตามระเบียบที่ ก.บ.ศ. กําหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

มาตรา 5 ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้กํากับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราวตามมาตรา 4 มีสิทธิได้รับค่าตอบแทนและค่าใช้จ่าย เว้นแต่ผู้ถูกปล่อยชั่วคราวได้หลบหนีหรือไปก่อภัยอันตรายหรือความเสียหายขึ้น โดยผู้กํากับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราวมิได้ปฏิบัติหน้าที่ตามสมควรแก่กรณี ในกรณีที่ความปรากฏแก่ศาลว่า ผู้ถูกปล่อยชั่วคราวซึ่งอยู่ภายใต้การกํากับดูแลเป็นผู้ยากไร้และ ไม่มีค่าพาหนะสําหรับการเดินทางไปศาลหรือเพื่อปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ศาลกําหนด ให้ศาลมีอํานาจสั่งจ่าย ค่าพาหนะแก่ผู้นั้นได้ตามความจําเป็น

ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และอัตราที่กําหนดในระเบียบ ก.บ.ศ. โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง และประกาศในราชกิจจานุเบกษา มาตรา ๖ การขอรับค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายตามมาตรา 5 วรรค 1 ให้ผู้กํากับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราวยื่นคําร้องต่อศาลชั้นต้นที่ได้ออกหมายปล่อยภายใน 30 วันนับแต่วันที่เสร็จสิ้น การปฏิบัติหน้าที่หรือวันที่ได้รับแจ้งจากศาล และให้ศาลมีอํานาจสั่งจ่ายค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายแก่ผู้มีสิทธิได้รับเงินดังกล่าวตามที่เห็นสมควร โดยคํานึงถึงลักษณะของภารกิจและระยะเวลาที่ต้องดําเนินการ ประกอบด้วย ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และอัตราที่กําหนดในระเบียบ ก.บ.ศ. โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง และประกาศในราชกิจจานุเบกษา คําสั่งของศาลตามวรรค 1 ให้เป็นที่สุด

มาตรา 7 เมื่อมีการจับกุมผู้ต้องหาหรือจําเลยที่ได้รับการปล่อยชั่วคราวโดยศาลซึ่งหลบหนีและได้ส่งตัวต่อศาลแล้ว ให้ผู้แจ้งความนําจับมีสิทธิได้รับเงินสินบนและเจ้าหน้าที่ผู้จับมีสิทธิได้รับเงินรางวัล
มาตรา 8 การขอรับเงินสินบนหรือเงินรางวัลตามมาตรา 7 ให้ผู้แจ้งความนําจับหรือเจ้าหน้าที่ผู้จับยื่นคําร้องต่อศาลชั้นต้นที่ได้ออกหมายปล่อยภายใน 30 วันนับแต่วันที่ส่งตัวผู้ต้องหาหรือจําเลยต่อศาล โดยผู้ร้องต้องแสดงพยานหลักฐานที่น่าเชื่อว่าตนเองเป็นผู้มีสิทธิได้รับเงินดังกล่าว และหากศาลพิจารณาเห็นว่าคําร้องนั้นฟังได้ ให้ศาลมีอํานาจสั่งจ่ายเงินสินบนแก่ผู้แจ้งความนําจับหรือเงินรางวัล แก่เจ้าหน้าที่ผู้จับตามที่เห็นสมควร โดยคํานึงถึงความยากง่ายในการติดตามจับกุมผู้ต้องหาหรือจําเลยนั้นเป็นสําคัญ ถ้ามีผู้แจ้งความนําจับหรือเจ้าหน้าที่ผู้จับหลายราย ให้ศาลสั่งแบ่งจ่ายเงินสินบนหรือเงินรางวัลแก่ผู้มีสิทธิได้รับเท่ากันทุกราย ผู้ที่มีสิทธิได้รับเงินในลักษณะอย่างเดียวกันตามกฎหมายอื่นแล้ว ไม่มีสิทธิได้รับเงินสินบน หรือเงินรางวัลตามพระราชบัญญัตินี้ เว้นแต่ศาลจะมีคําสั่งเป็นอย่างอื่น หลักเกณฑ์และอัตราในการจ่ายเงินสินบนและเงินรางวัลตามมาตรานี้ ให้เป็นไปตามระเบียบที่ ก.บ.ศ. กําหนด โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลังและประกาศในราชกิจจานุเบกษา คําสั่งของศาลตามมาตรานี้ให้เป็นที่สุด

มาตรา 9 การเบิกจ่ายค่าตอบแทน ค่าใช้จ่าย ค่าพาหนะ เงินสินบน และเงินรางวัลแก่ผู้มีสิทธิได้รับตามพระราชบัญญัตินี้ ให้เบิกจ่ายจากเงินค่าปรับตามคําพิพากษาในคดีอาญาก่อนนําส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน วิธีการเบิกจ่ายและรับเงินตามวรรค 1 ให้เป็นไปตามระเบียบที่ ก.บ.ศ. กําหนดโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง และประกาศในราชกิจจานุเบกษา

มาตรา 10 ให้ประธานศาลฎีการักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

ผู้รับสนองพระราชโองการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

หมายเหตุ เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่มีผู้ต้องหาหรือจําเลยที่ได้รับการปล่อยชั่วคราว โดยศาลหลบหนีไปทําให้การพิจารณาพิพากษาคดีของศาลต้องล่าช้า ส่งผลกระทบต่อนโยบายในการป้องปราม อาชญากรรม สาเหตุสําคัญประการหนึ่งคือการไม่มีเจ้าพนักงานกํากับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราวให้ปฏิบัติ ตามเงื่อนไขต่าง ๆ ที่ศาลกําหนดเพื่อป้องกันการหลบหนีหรือภัยอันตรายหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ เมื่อเกิดการหลบหนีก็ไม่มีเจ้าพนักงานที่มีอํานาจหน้าที่โดยตรงในการติดตามจับกุมผู้ต้องหาหรือจําเลย เหล่านั้นกลับมาดําเนินคดี ดังนั้น เพื่อให้การพิจารณาพิพากษาคดีดําเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ สมควรกําหนดมาตรการกํากับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราวและการติดตามจับกุมผู้ต้องหาหรือจําเลยที่หลบหนี รวมทั้งการนําเงินค่าปรับ ตามคําพิพากษาในคดีอาญามาใช้เป็นค่าใช้จ่ายในมาตรการดังกล่าว จึงจําเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง