วันนี้ (1 ก.ค.2564) ตัวแทนจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง ภายหลังตรวจสอบพบว่า มีบุคคลแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายไอทีของราชวิทยาจุฬาภรณ์ติดต่อไปยังบริษัทคู่สัญญาที่ได้รับวัคซีนซิโนฟาร์ม เพื่อขอข้อมูลของบริษัท อ้างว่าระบบไอทีมีปัญหา ไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลได้ จึงขอตรวจสอบยูเซอร์ พลาสเวิร์ดของบริษัทผู้รับจัดสรรวัคซีน เพื่อเปิดเข้าไปดูข้อมูลและเปลี่ยนแปลง โดยนำรายชื่อบุคคลภายนอก 18 คน เข้าไปในโควตาของบริษัท แต่ทางบริษัทคู่สัญญาพบความผิดปกติ จึงร้องเรียนมาที่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์
ตัวแทนจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เปิดเผยว่า ได้ตรวจสอบพบว่า บุคคลดังกล่าวเป็นผู้หญิงยืนยันไม่พบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จึงเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง ฐานความผิดนำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์
นอกจากนี้ ฝ่ายกฎหมายยังตรวจสอบพบว่าช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 28 มิ.ย. ต่อเนื่องถึงวันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา พบว่า มีเพจเฟซบุ๊กที่ให้บริการทางการแพทย์ เปิดโฆษณาชักชวนอ้างว่า ได้รับการจัดสรรวัคซีนซิโนฟาร์มจากราชวิทยาลัยฯ และได้ชักชวนให้ประชาชนร่วมลงทะเบียนกับทางเพจโดยได้กำหนดราคา วัน เวลา และโรงพยาบาลสถานที่ฉีดวัคซีนไว้หน้าเพจชัดเจน
จากการตรวจสอบไปยังโรงพยาบาลที่ถูกระบุว่า มีผู้ฉีดวัคซีน พบว่าไม่ใช่คู่สัญญาแต่อย่างใด ขณะนี้ยังพบการเคลื่อนไหวจากเพจและมีผู้เข้าร่วมลงทะเบียนจำนวนมาก ซึ่งพบว่ามีการโอนเงินเข้าไปในบัญชีเพจแล้วจำนวนหนึ่ง
ตำรวจ เปิดเผยว่า อยู่ระหว่างตรวจสอบมูลค่าความเสียหาย และผู้หลงเชื่อว่ามีจำนวนเท่าใด ขณะที่การตรวจสอบเบื้องต้นกรณีแอบอ้างเป็นเจ้าพนักงานของราชวิทยาลัยฯ เป็นหญิงคนหนึ่ง มีภูมิลำเนาอยู่ใน จ.สุพรรณบุรี และรวบรวมรายชื่อเพื่อนบ้าน 18 คน แต่จากการสอบปากคำ พบว่าทั้ง 18 คน ยังไม่ได้ถูกเรียกเงินจากผู้แอบอ้าง ซึ่งถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ส่วนเพจบริการทางการแพทย์ จากการตรวจสอบพบว่ามีการโฆษณาชักชวนมาแล้วถึง 4 ครั้ง ปัจจุบันยังพบว่าเปิดเพจดังกล่าวอยู่ และมีประชาชนเข้าร่วมทะเบียนจำนวนมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ
นาวาอากาศเอก ปพาฬ ศิริสวัสดิ์ หัวหน้าฝ่ายนิติการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ยืนยันว่า วัคซีนซิโนฟาร์ม มีผู้นำเข้าหลัก คือ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และเป็นผู้นำเข้าเจ้าเดียวในประเทศไทย โดยได้จัดสรรในราคาทุน เข็มละ 888 บาท คู่สัญญาจะต้องมี 3 ส่วน คือ ราชวิทยาลัย องค์กร และโรงพยาบาลที่ฉีดวัคซีน โดยวัคซีนจะถูกส่งไปที่โรงพยาบาลเท่านั้น หากพบว่ามีการโก่งราคาจะถูกปรับ 5 เท่า เพราะวัคซีนเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง ตำรวจเตือนประชาชน ระวังถูกหลอกซื้อวัคซีนทางเลือก