"อนุดิษฐ์" โต้กลับกองทัพเรือ เมินยุทธศาสตร์ชาติ จี้ซื้อโดรน UAV ของไทย

การเมือง
8 มิ.ย. 65
11:50
407
Logo Thai PBS
"อนุดิษฐ์" โต้กลับกองทัพเรือ เมินยุทธศาสตร์ชาติ จี้ซื้อโดรน UAV ของไทย
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
“อนุดิษฐ์” ขยี้ปม “กองทัพเรือ” จัดซื้อโดรน UAV 4 พันล้าน แต่ไม่มีอาวุธติดตั้ง หวั่นของบเพิ่มอ้างซื้ออาวุธอีก ติดใจไม่สนยุทธศาสตร์ชาติ ที่เน้นส่งเสริมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทย

จากกรณี พล.ร.ท.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ ชี้แจงกรณีที่ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. และนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายในระหว่างการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ถึงโครงการจัดหาอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ประจำฐานบินชายฝั่ง ของกองทัพเรือ วงเงิน 4,070 ล้านบาทว่า มีความโปร่งใส และมีการแข่งขันราคาที่เป็นธรรมนั้น

น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า ประเด็นที่ตนตั้งข้อสังเกตขึ้นมานั้น เป็นไปเพื่อปกป้องภาษีของพี่น้องประชาชน ที่จะถูกใช้จ่ายไปอย่างไม่คุ้มค่า หรือที่แย่ไปกว่านั้น อาจเข้าข่ายการทุจริตประพฤติผิดมิชอบ

จึงขอให้กองทัพเรือช่วยชี้แจงให้ชัด ๆ ก่อนว่า ในเมื่อกองทัพเรือระบุความต้องการจัดหา UAV ที่สามารถใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายได้ ทำไมจึงตัดเรื่องการส่งมอบอาวุธที่ต้องมาพร้อมกับ UAV ทิ้งไป

เพราะการที่กองทัพเรืออ้างว่า สามารถจัดหาอาวุธมาติดตั้งได้ภายหลังนั้น ย่อมย้อนแย้ง กับความต้องการในการจัดหา UAV ติดอาวุธของตัวเอง

เพราะขอเงินภาษีประชาชนกับสภาผู้แทนราษฎร โดยบอกว่า จะไปซื้อ UAV ติดอาวุธ 3 ลำ ด้วยเงิน 4,070 ล้านบาท แปลว่า กองทัพเรือต้องซื้อ UAV ที่สามารถปฏิบัติภารกิจโจมตีเป้าหมายได้ แต่สุดท้ายกลับไปเซ็นสัญญาซื้อ UAV จำนวน 7 ลำ แต่ไม่ซื้ออาวุธมาด้วย ซึ่งแปลความว่า หลังจากการจัดซื้อครั้งนี้แล้ว กองทัพเรือต้องตั้งงบประมาณเพื่อจัดหาอาวุธมาติดตั้งให้ UAV อีก

"คราวนี้ไม่ใช่ยอดแค่ 3 ลำ แต่ต้องจัดหาอาวุธมาให้ทั้ง 7 ลำ แล้วสภาฯ จะไปอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมให้อีกได้อย่างไร เพราะให้ไปตั้ง 4,000 ล้านบาทแล้ว เพื่อไปซื้อ UAV ติดอาวุธ แต่กลับได้มาแค่ UAV ที่ไม่มีอาวุธ เพราะฉะนั้นคำถามของผม ตรงไปตรงมาแบบนี้ ขอให้กองทัพเรือช่วยตอบให้ตรงคำถามด้วย”

น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวต่อว่า ที่สำคัญไปกว่านั้น หากในอนาคตกองทัพเรือของบประมาณไปซื้ออาวุธมาติดตั้ง เพื่อนำไปปฏิบัติภารกิจ แต่ประเทศผู้ขายปฏิเสธไม่ขายให้กับประเทศไทย กองทัพเรือช่วยตอบด้วยว่า จะให้ใครรับผิดชอบ UAV ติดอาวุธ ที่ปฏิบัติภารกิจไม่ได้

เรื่องนี้ต้องบันทึกไว้เลยว่า ตกลงใครต้องรับผิดชอบ เพราะไม่เช่นนั้นก็จะซ้ำรอยกับเรือดำน้ำ ที่ซื้อเครื่องยนต์เยอรมนีมาติดตั้งไม่ได้ แต่ไม่เห็นมีใครออกมารับผิดชอบให้เป็นไปตามสัญญา

ส่วนประเด็นที่สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (สทป.) มีเอกสารยืนยันว่า ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการผลิต UAV ขนาดกลาง หรือ MALE UAV (Medium Altitude Long Endurance) ตาม TOR เช่นเดียวกันกับที่กองทัพเรือ ซื้อด้วยราคาที่ถูกกว่าเท่าตัวนั้น

กองทัพเรือซื้อจากต่างประเทศ 4,000 ล้านบาท แต่ผลิตในประเทศราคาประมาณ 2,000 ล้านบาท

แต่กองทัพเรือชี้แจงว่า ได้ตรวจสอบแล้ว ยังไม่มีบริษัทในประเทศเคยผลิต UAV ตาม TOR ที่กองทัพเรือต้องการนั้น แต่บริษัทของประเทศอิสราเอลที่กองทัพเรือไทยสั่งซื้อ UAV นั้น วันแรกที่กองทัพอิสราเอลสั่งซื้อ UAV ลำแรกจากบริษัทนี้ ทางบริษัทก็ไม่เคยผลิต UAV แบบนี้มาก่อนเช่นกัน แต่บริษัทก็สามารถสร้างขึ้นมาตามความต้องการของกองทัพอิสราเอล

โดยหลังจากบริษัทส่งมอบ UAV ลำแรก กองทัพอิสราเอลก็สั่งซื้อมาเรื่อย ๆ จนอุตสาหกรรมด้าน UAV ของอิสราเอล เป็นสินค้าส่งออกไปหลายประเทศในขณะนี้

น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวอีกว่า การที่กองทัพเรือชี้แจงว่า ได้ตรวจสอบแล้วยังไม่มีบริษัทในประเทศเคยผลิต UAV ตาม TOR ที่กองทัพเรือต้องการนั้น คำตอบเช่นนี้ไม่ควรออกมาจากกองทัพเรือได้เลย

เพราะแปลว่า กองทัพเรือไม่ให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทย ที่เป็น S Curve ตัวที่ 11 ตามที่กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติเลยแม้แต่น้อย

กรณีที่ของประเทศอิสราเอล วันแรกที่กองทัพเขาสั่งกับบริษัทในประเทศก็ยังไม่มีการผลิตเช่นกัน แต่ตอนนี้เขาสามารถผลิตแล้วจำหน่ายไปทั่วโลกแล้ว ถือเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของประเทศโดยแท้ เรื่องแบบนี้ทำไมกองทัพเรือจึงไม่เอาเป็นตัวอย่าง

น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวต่อไปว่า คำชี้แจงของกองทัพเรือกำลังขัดแย้งกับ สทป.ที่บอกว่า สามารถสร้าง UAV ได้เองในประเทศ ทั้ง ๆ ที่กฎหมายต่าง ๆ ทั้งในระดับรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ และกฎหมายลำดับรองต่าง ๆ ล้วนรองรับ และกำหนดให้กระทรวงกลาโหม ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติ

ซึ่งกระทรวงกลาโหมระบุว่า ยุทธศาสตร์ชาติตามหน้าที่ของตนนั้น จะต้องเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และความสามารถด้านการแข่งขัน ช่วยเหลือประคับประคองประเทศ ที่อยู่ในสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ

และเมื่อหน่วยงานภายใต้กระทรวงกลาโหม เช่น สทป. และกองทัพอากาศ ได้ศึกษาวิจัยและมีเอกสารยืนยันว่า สามารถดำเนินการสร้าง UAV ภายในประเทศเองได้

ด้วยสามัญสำนึกของวิญญูชนทั่วไป กระทรวงกลาโหมและกองทัพเรือย่อมต้องใช้งบประมาณสนับสนุนอุตสาหกรรมในประเทศ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของเรา แทนที่จะไปอุดหนุนต่างประเทศอย่างที่ปฏิบัติกันอยู่ในขณะนี้

การที่กองทัพเรือมุ่งที่จะซื้อยุทโธปกรณ์จากต่างประเทศ ทั้ง ๆ ที่เป็นยุทโธปกรณ์ที่สามารถส่งเสริมและผลิตในประเทศได้ ย่อมเกิดคำถามกับสังคมทั่วไปถึงหลักนิยมและยุทธศาสตร์ของกองทัพเรือ ที่ไม่เป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติ

และยังเป็นที่สงสัยอีกด้วยว่า มีเบื้องหน้าเบื้องหลังหรือไม่อย่างไร เหตุใดจึงไม่ช่วยเหลือประเทศชาติประชาชนและพึ่งพาตนเอง ทั้ง ๆ ที่สามารถดำเนินการได้โดยปราศจากอุปสรรค

น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวด้วยว่า ผมไม่มีวัตถุประสงค์ที่จะโจมตีใครทั้งสิ้น แต่ในฐานะผู้แทนราษฎร และจบการศึกษาจากสถาบันหลักทางทหารมาเช่นกัน เพียงแต่ต้องการให้กองทัพ เข้าใจความรู้สึกของพี่น้องประชาชน อย่าทำให้พวกเขาท้อแท้และสิ้นหวัง ภายใต้การบริหารงานของท่า

เพราะในเมื่อยุทธศาสตร์ กฎหมาย และนโยบาย กำหนดไว้ชัดเจน บวกกับขีดความสามารถในประเทศ ที่มีความพร้อมตามที่หน่วยงานภายในกระทรวงกลาโหมชี้แจง ทำไมจึงสร้างเงื่อนไข เพื่อเอื้อให้กับต่างชาติ และกีดกันคนไทย และเมื่อซื้อจากต่างประเทศแล้ว ทำไมไม่จัดหามาให้พร้อมปฏิบัติภารกิจได้เลย จึงขอให้ผู้รับผิดชอบช่วยชี้แจงให้เกิดความกระจ่างด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง