เศรษฐกิจโลกถดถอย ส่งผลกระทบต่อการลงทุน

นางอรรชกา ศรีบุญเรือง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ รายงานผลสำรวจผู้ประกอบการที่ลงทุนในไทย ทั้งได้รับและไม่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน พบว่าตั้งแต่ช่วงนี้ถึงปี พ.ศ.2555 ยังไม่มีนักลงทุนรายใดถอนการลงทุนจากไทย โดยร้อยละ 49.8 ยังรักษาระดับการลงทุนเท่ากับปัจจุบัน ขณะที่ร้อยละ 46.8 เตรียมขยายกิจการเพิ่มขึ้น โดยกลุ่มที่จะขยายแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ ขยายกิจการเล็กน้อยร้อยละ 29 และขยายกิจการอย่างมากร้อยละ 17.8 เช่นกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ โลหะ เคมีภัณฑ์ และอิเล็คทรอนิคส์ ขณะที่ร้อยละ 3.5 เตรียมลดขนาดการลงทุน เช่น สิ่งทอ เครื่องประดับ เครื่องหนัง ส่วนผลกระทบที่มีต่อการตัดสินใจลงทุนมากที่สุด คือเสถียรภาพทางการเมืองของไทยและภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย

 

ส่วน ผลสำรวจเชิงลึกผู้บริหารระดับสูง 5 กลุ่มอุตสาหกรรมคือ อิเล็คทรอนิกส์เครื่องใช้ไฟฟ้า , กระดาษและพลาสติก , ผลิตภัณฑ์โลหะและอุปกรณ์ขนส่ง , บริการสาธารณูปโภค และอุตสาหกรรมเบา รวม 30 บริษัท พบว่ามีความพอใจเพิ่มขึ้นจากผลตอบแทนการดำเนินธุรกิจในไทย นอกจากนี้ไทยมีจุดเด่นที่เป็นศูนย์กลางกระจายสินค้า สาธารณูปโภคและอุนิสัยแรงงาน แต่ยังมีจุดอ่อนคือความยุ่งยากของการส่งออก, การนำเข้าวัตถุดิบ, แนวนโยบายของแต่ละรัฐบาลซึ่งแตกต่างกัน และเสถียรภาพการเมือง

 

สำหรับปัจจัยดึงดูดเข้ามาลงทุนในไทยในมุมมองนักลงทุน คือ สิทธิประโยชน์จากการส่งเสริมการลงทุน มาตรการสนับสนุนอื่นของภาครัฐ ความพร้อมโครงสร้างพื้นฐาน แรงงานฝีมือที่เพียงพอ อัตราค่าจ้างเหมาะสม และอุตสาหกรรมสนับสนุนที่เข้มแข็ง