วันนี้ (1 ก.ค.2565) นายพัฒนะ ศิริมัย ผอ.ศูนย์ป่าไม้ราชบุรี สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 (ราชบุรี) กรมป่าไม้ ให้สัมภาษณ์ไทยพีบีเอสออนไลน์ว่า คณะทำงานตรวจสอบที่ดินในครอบครองของ บริษัทแวกซ์ กาเบ็จ รีไซเคิล เซ็นเตอร์ จำกัด ท้องที่หมู่ที่ 8 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี โดยได้มีการหารือกันนัดแรกเมื่อ 28 มิ.ย.พบว่าโรงงานแห่งนี้อาจเข้าข่ายการใช้ประโยชน์ที่ดินต่างๆนี้
พบมีโฉนดที่ดิน 3 ฉบับ น.ส.3 ก 1 ฉบับ เนื้อที่ 185 ไร่ พบว่าที่ดินในครอบครองของบริษัทฯ ทั้งหมดอยู่ในเขตหวงห้ามที่ดินในราชการกรมป่าไม้ ตามพระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตหวงห้ามที่ดินป่าเขาล้อมรั้ว พ.ศ.2488
นอกจากนี้ยังมีที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ซึ่ง สปก.ราชบุรี แจ้งว่า มีการออกเอกสาร สปก. 4-01 แล้ว เนื้อที่ประมาณ 15 ไร่ และที่ดินในเขตทางสาธารณประโยชน์ ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าตาม พ.ร.บ. ป่าไม้ 2484 โดยอ.บ.ต.รางบัว แจ้งว่า มีความกว้างเขตทางประมาณ 5 เมตร ยาวประมาณ 500 เมตร ซึ่งวันนี้เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบแล้ว
พบครอบครองที่ดินเขตหวงห้ามที่ดินป่าเขาล้อมรั้ว
นายพัฒนะ กล่าวอีกว่า ผลตรวจสอบที่ดินจะนำไปเทียบกับแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ ร่วมกับการตรวจสอบรังวัดในพื้นที่ เบื้องต้นหากดูตามพระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตหวงห้ามที่ดินป่าเขาล้อมรั้ว พ.ศ.2488 มีก่อนกฎหมายประมวลที่ดินพ.ศ.2497 ซึ่งเจ้าของที่ดินอ้างมีโฉนดอาจจะได้รับที่ดิน นส.3 ก. และสค.1 เปลี่ยนมือมาจากคนอื่นๆ นำมาออกโฉนดได้ แต่จะต้องตรวจสอบย้อนกลับ
กรมป่าไม้จะส่งให้กรมที่ดิน ตั้งคณะทำงานไต่สวน เพื่อตรวจสอบร่วมกันว่ามีการออกโฉนดในเขตป่าโดยมิชอบหรือไม่ ถ้าออกโดยไม่ชอบ จะยกเลิกตามมาตรา 61 ประมวลกฎหมายที่ดินเพื่อเพิกถอนตามขั้นตอน
นอกจากนี้ในสัปดาห์หน้า จะมีการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการครอบครองที่ดินของโรงงานรีไซเคิลแห่งนี้ในภาพรวมอีกครั้ง ซึ่งเป้าหมายไม่ใช่แค่ตัวที่ดินมีการอ้างออกโฉนด หรือการครอบครองที่ดินส.ป.ก. แต่จะตรวจสอบอย่างละเอียดพื้นที่ตัวโรงงาน จุดฝังกลบและการใช้ที่ดินรอบโรงงานด้วย
ภาพ:กรมควบคุมมลพิษ
แจ้งข้อหาเพิ่มครอบครองวัตถุอันตราย
ขณะที่ล่าสุดนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า หลังจากหน่วยพิทักษ์สิ่งแวดล้อมที่ 8 เข้าตรวจสอบพื้นที่ภายในพื้นที่โรงงาน เมื่อวานนี้(30 มิ.ย.) พบมีวัสดุเหลือใช้ที่ถูกไฟไหม้แล้ว ยังมีของเสียอันตราย ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องบัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย พ.ศ.2556 ตกค้างอยู่ภายในอาคารของโรงงาน และไม่ได้ถูกเพลิงไหม้จำนวนมาก
โดยที่ศาลแพ่งได้มีคำสั่งให้บริษัทฯ หยุดประกอบกิจการที่มีของเสียอันตรายแล้ว ตั้งแต่พ.ศ.2561 ซึ่งของเสียเข้าข่ายเป็นวัตถุอันตราย ตามพ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535 ดังนั้นการที่บริษัทครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต อาจเข้าข่ายมีความผิดตามมาตรา 23 และต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ ซึ่งล่าสุด คพ.มอบหมายให้นายสุทธิพล เอี่ยมประเสริฐกุล ผอ.สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 8 แจ้งความที่ สภ.จอมบึง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
"ป่าไม้-ส.ป.ก." ตรวจที่ดินโรงงานรีไซเคิลเข้าข่ายบุกรุกทางสาธารณะ