สภาพัฒน์ฯ ห่วงแรงงานไทยเผชิญภาวะหมดไฟทำงาน

วันนี้ (26 ส.ค.2565) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำอาจเป็นการสร้างแรงจูงใจด้านรายได้ให้กับผู้ใช้แรงงาน แต่ข้อมูลจากบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ธุรกิจระดับโลก (SAP) สำรวจธุรกิจ SME กว่า 1,300 แห่งจาก 8 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น ระหว่างปี 2564-2565 พบว่า ธุรกิจ SME ไทยกว่าร้อยละ 47 มีพนักงานขอลาออกเพิ่มขึ้น เป็นสัญญาณของปรากฏการณ์ลาออกครั้งใหญ่ หรือ The great resignation ในปี 2564 ที่พนักงานทั่วโลกมากกว่า 4 ใน 10 เกิดภาวะหมดไฟในการทำงาน

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นสอดคล้องกับผลวิจัยของมหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อปี 2562 ในช่วงก่อนวิกฤตโควิด-19 ซึ่งแรงงานในกรุงเทพฯ กำลังเผชิญภาวะหมดไฟในการทำงาน โดยเฉพาะกลุ่มอาชีพพนักงานรัฐวิสาหกิจ รองลงมาคือพนักงานบริษัทเอกชน และข้าราชการ ตามลำดับ

เนื่องจากทำงานหนัก แต่ขาดเครื่องมือสนับสนุนการทำงานที่เหมาะสม ตลอดจนหัวหน้างานขาดความรับผิดชอบ ไม่รับฟังปัญหา ซึ่งบั่นทอนประสิทธิภาพการทำงานและกระทบเศรษฐกิจ จึงแนะนำให้นายจ้างปรับสภาพแวดล้อมในการทำงาน กระตุ้นให้มีโครงสร้างสร้างสรรค์ สอดคล้องความต้องการของแรงงาน

สภาพัฒน์ฯ ยังรายงานสถานการณ์ด้านแรงงานไตรมาส 2 ของ 2565 ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะจำนวนผู้มีงานทำทั้งสิ้น 39 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 สูงสุดนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สะท้อนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ยกเว้นการจ้างงานในสาขาก่อสร้าง โรงแรม และภัตตาคาร ยังติดลบ เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนและราคาวัสดุปรับตัวสูงขึ้น

นอกจากนี้ต้องจับตาผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อและค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น กระทบรายได้แท้จริงของแรงงาน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้แรงงานอิสระและทักษะต่ำในภาคเอกชน

ซึ่งรัฐบาลอยู่ระหว่างพิจารณาปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ รวมทั้งมาตรการบรรเทาค่าครองชีพ ทั้งโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 รวมถึงมาตรการลดค่าน้ำค่าไฟ สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่กำลังจะบังคับใช้เร็วๆ นี้

อ่านข่าวอื่นๆ

บอร์ดค่าจ้างเคาะขึ้นค่าแรงสูงสุด 354 บาท "ชลบุรี-ระยอง-ภูเก็ต"

ด่วนรีบจอง "เราเที่ยวด้วยกันเฟส 4" เหลือแค่ 1.85 แสนสิทธิ

"พาณิชย์" อนุญาตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 3 ยี่ห้อขึ้นราคาซองละ 1 บาท