ศาลให้ฝากขัง “ดาบตำรวจ” ขโมยปืนหลวง สภ.ปากเกร็ด

อาชญากรรม
21 ต.ค. 65
20:05
394
Logo Thai PBS
ศาลให้ฝากขัง “ดาบตำรวจ” ขโมยปืนหลวง สภ.ปากเกร็ด
ศาลอนุญาตให้ฝากขัง “ดาบตำรวจ” ผู้ต้องหาคดีขโมยปืนหลวง สภ.ปากเกร็ด ขณะที่ตำรวจเร่งติดตามปืนของกลาง ซึ่งได้คืนแล้วจำนวนหนึ่งจากที่ถูกขโมยไป 159 กระบอก

วันนี้ (21 ต.ค.2565) ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ไต่สวนคำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาในคดีอาญาหมายเลขดำ ฝ.6/2565 ระหว่างพนักงานสอบสวน สภ.ปากเกร็ด ผู้ร้อง ด.ต.เชาวลิต พุ่มขจร ผู้ต้องหา ข้อหาลักทรัพย์ในสถานที่ราชการ, เป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ, ปลอมเอกสารสิทธิหรือเอกสารราชการ, ใช้หรืออ้างเอกสารปลอม โดยศาลไต่สวนคำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาวันนี้ และผู้ต้องหาแถลงไม่ต้องการทนายความ

ผู้ร้องขอให้ศาลออกหมายขังผู้ต้องหาไว้มีกำหนด 12 วัน เนื่องจากต้องสอบพยานอีก 5 ปาก ซึ่งเป็นประจักษ์พยานและพยานแวดล้อมกรณี, รอผลการตรวจพิสูจน์ของกลาง, รอผลตรวจลายพิมพ์นิ้วมือผู้ต้องหาและประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา จึงมีความจำเป็นขอหมายขังผู้ต้องหาไว้ในระหว่างสอบสวน และคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหา เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง และคดีดังกล่าวมีผลกระทบต่อบุคคลอื่นในวงกว้าง เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี ซึ่งศาลสอบผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้านการยื่นคำร้องขอฝากขังดังกล่าว

ศาลพิจารณาแล้ว เห็นว่ามีพยานหลักฐานตามสมควรว่าผู้ต้องหาน่าจะได้กระทำความผิดอาญาตามข้อกล่าวหา กับทั้งการจับกุมชอบด้วยกฎหมายแล้ว และพิจารณาแล้วเห็นว่า เจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุม ได้ติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้ที่ห้องพักในรีสอร์ทแห่งหนึ่งที่ จ.หนองคาย ตามหมายจับของศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ออกหมายจับผู้ต้องหาเกี่ยวกับความผิดที่ถูกกล่าวหาเป็นคดีนี้

และมีพฤติการณ์ว่าผู้ต้องหาเตรียมตัวจะหลบหนี และได้ความว่าผู้ต้องหามีการเตรียมตัวขอหนังสือเดินทางออกนอกประเทศก่อนถูกจับกุม กับทั้งพฤติการณ์แห่งคดีเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญอันจะมีผลกระทบเป็นวงกว้าง จึงเชื่อว่าหากไม่ออกหมายขังผู้ต้องหาไว้แล้ว ผู้ต้องหาจะหลบหนีและมีเหตุจำเป็นต้องสอบสวนต่อไป จึงอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาในระหว่างสอบสวนได้ตามขอ มีกำหนด 12 วัน

เร่งติดตามปืนหลวงของกลาง

กรณี สภ.ปากเกร็ด ตรวจสอบพบปืนหายไปมากถึง 159 กระบอก ผู้ต้องหารับสารภาพว่าทำหน้าที่ดูแลคลังเก็บอาวุธปืนของ สภ. และได้ลักลอบนำปืนหลวงออกจากคลัง ขายให้คนใกล้ชิดมากว่า 2 ปี เพื่อนำเงินมาใช้ส่วนตัวและยอมรับมีการเล่นพนัน

ระหว่างสอบปากคำผู้ต้องหา เมื่อวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา มีผู้นำปืนใส่กระเป๋ามาทิ้งไว้กว่า 30 กระบอก คาดว่ากลัวจะมีความผิดร่วม นอกจากนี้จากคำให้การของผู้ต้องหาและการตรวจสอบในพื้นที่ปากเกร็ด ยังสามารถติดตามปืนมาได้อีกจำนวนหนึ่ง รวมได้ปืนของกลางคืนแล้ว 60 กระบอก

พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี ระบุว่า คนที่รับซื้อปืนของกลางในคดีที่ถูกขโมยไป ถือว่ามีความผิด แต่หากนำปืนมาคืนให้เจ้าหน้าที่ พร้อมยืนยันความบริสุทธิ์ พนักงานสอบสวนจะดูที่เจตนา ซึ่งอาจไม่มีความผิด พร้อมยืนยันการตรวจสอบและเก็บอาวุธของทางราชการ เป็นไปตามแนวปฎิบัติตามระเบียบมาตลอด แต่ผู้รับผิดชอบซึ่งเป็นเจ้าหน้ามีการตบตา ปลอมแปลงเอกสาร ทำให้ตรวจสอบไม่พบในช่วงแรก

ส่วนกรณีที่มีคำถามว่า แต่ละพื้นที่ สน. หรือ สภ. ควรมีปืนหลวงหรือปืนในราชการให้ยืมใช้เท่าไหร่

ผู้บัญชาการส่งกำลังบำรุง ชี้แจงหลักเกณฑ์ว่า อยู่ที่พื้นที่รับผิดชอบและจำนวนข้าราชการตำรวจ แต่ละพื้นที่ไม่เท่ากัน โดยเฉลี่ยแต่ละโรงพักจะมีปืนหลวงประมาณ 100-200 กระบอก หากนับรวมกันจากโรงพักทั่วประเทศกว่า 1,500 แห่ง จะมีปืนหลวงราวกว่า 200,000 กระบอกของแต่ละปีงบประมาณ ไม่นับรวมปืนหลวงคงค้างเดิม หรือหน่วยงานพิเศษอื่นๆ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รวบ ตร.ขโมยปืน 100 กระบอก สภ.ปากเกร็ด หนีกบดานหนองคาย

ขอฝากขังวันนี้ ตำรวจขโมยปืน 100 กระบอก สภ.ปากเกร็ด

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง