วิเคราะห์ : ย้อนรอยไฟป่ารุนแรงในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ

ต่างประเทศ
14 ส.ค. 66
19:04
929
Logo Thai PBS
วิเคราะห์ : ย้อนรอยไฟป่ารุนแรงในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ยอดผู้เสียชีวิตจากไฟป่าบนเกาะเมาวี รัฐฮาวาย ใกล้แตะ 100 คน ทำสถิติไฟป่าครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบ 100 ปีของประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ความเสียหายจากภัยพิบัติในครั้งนี้อาจมีมูลค่าสูงกว่า 190,000 ล้านบาท อาจใช้เวลานานหลายปีจนกว่าจะฟื้นฟูพื้นที่ให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม

สภาพอากาศแห้งและร้อนจัดเป็นจุดร่วมสำคัญของไฟป่าแทบทุกครั้ง แต่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นตัวเร่งให้สถานการณ์เลวร้าย ผู้เสียชีวิตจากไฟป่าบนเกาะเมาวีในรัฐฮาวาย เพิ่มขึ้นเป็น 96 คน ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยยังคงเดินหน้าค้นหาร่างผู้สูญหายใต้ซากความเสียหาย

เฮลิคอปเตอร์ของเนชันแนลการ์ดในรัฐฮาวาย โปรยน้ำดับไฟป่าบนเกาะเมาวี หลังจากไฟป่าเผาผลาญพื้นที่อย่างน้อย 3 จุดบนเกาะ ตั้งแต่วันอังคารที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่เจ้าหน้าที่พบผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 96 คน และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีกเนื่องจากผู้สูญหายอีกหลายร้อยน่าจะติดอยู่ใต้ซากความเสียหาย

เจ้าหน้าที่ช่วยดับไปจากเฮลิคอปเตอร์

เจ้าหน้าที่ช่วยดับไปจากเฮลิคอปเตอร์

เจ้าหน้าที่ช่วยดับไปจากเฮลิคอปเตอร์

สมาชิกหน่วยเนชันแนลการ์ดเริ่มสำรวจรอบเมืองลาไฮนาบนเกาะเมาวี ท่ามกลางความไม่พอใจของประชาชนต่อการให้ความช่วยเหลือล่าช้า หลังจากปฏิบัติการค้นหาร่างผู้เสียชีวิตโดยสุนัขดมกลิ่นของทีมกู้ภัย ครอบคลุมพื้นที่ร้อยละ 3 ของพื้นที่ค้นหาทั้งหมด บนเกาะเมาวีเท่านั้น

สำนักงานจัดการภาวะฉุกเฉินสหรัฐฯ ชี้ว่าการฟื้นฟูเมืองลาไฮนาอาจมีมูลค่าสูงถึง 5,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 190,000 ล้านบาท เนื่องจากไฟป่าเผาผลาญพื้นที่กว่า 5,300 ไร่ ส่งผลให้สิ่งปลูกสร้างกว่า 2,200 หลัง เสียหาย หรือถูกทำลาย จนราบเป็นหน้ากลอง

ด้านผู้ว่าการรัฐฮาวายสั่งเปิดการสอบสวนเกี่ยวกับระบบสัญญาณเตือนภัย หลังจากผู้ประสบภัยไม่ได้รับสัญญาณการแจ้งเตือนจากทางการ

เสากระจายสัญญาณ

เสากระจายสัญญาณ

เสากระจายสัญญาณ

ข้อมูลจากเว็บไซต์สมาคมป้องกันอัคคีภัยแห่งชาติสหรัฐฯ หรือ NFPA ชี้ว่าไฟป่า Peshtigo ในรัฐวิสคอนซินเมื่อปี 1871 สร้างความสูญเสียมากที่สุด กระแสลมตะวันตกเฉียงเหนือ ทำให้ไฟป่าเผาผลาญพื้นที่กว่า 3,000,000 ไร่ ในขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตจากภัยพิบัติในครั้งนี้สูงถึง 1,152 คน

อ่าน : 4 ปัจจัย ทำไม? ไฟป่าโหมกระหน่ำป่าร้อนชื้นบนเกาะเมาวี รัฐฮาวาย

ย้อนรอยไฟป่ารุนแรงในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ

หลักฐานทางประวัติศาสตร์จาก Peshtigo Historical Society ระบุว่า อิทธิพลหย่อมความกดอากาศต่ำทำให้ไฟป่ารุนแรงจนควบคุมไม่ได้ ที่ตั้งของเมือง Peshtigo อยู่กลางป่าสนและสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดทำจากไม้ กลายเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีให้ไฟป่าครั้งนั้นลุกลามอย่างรวดเร็วมากขึ้น

ส่วนไฟป่า Cloquet เมื่อเดือน ต.ค.1918 ในมินนิโซตาและวิสคอนซิสทำให้มีผู้เสียชีวิต 453 คนและได้รับบาดเจ็บกว่า 52,000 คน

ขณะที่ไฟป่าบนเกาะเมาวีในรัฐฮาวาย ทำสถิติรุนแรงเป็นอันดับที่ 5 เนื่องจากผู้เสียชีวิตพุ่งสูงที่สุดในรอบ 105 ปี นับตั้งแต่ ปี 1918 เป็นต้นมา

ตลอด 5 ปีนี้ไฟป่าสร้างความเสียหายให้สิ่งปลูกสร้างกว่า 60,000 แห่ง ในขณะที่อสังหาริมทรัพย์ 71.8 ล้านแห่ง ตกอยู่ในความเสี่ยงจากไฟป่า การรวบรวมข้อมูลจากสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมสหรัฐฯ พบว่า ที่ดินราวร้อยละ 50 ในสหรัฐฯ มักเป็นป่า, ป่าละเมาะ และ ทุ่งหญ้าเป็นหลัก

แม้ว่าสาเหตุของไฟป่าบนเกาะเมาอีครั้งนี้ยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัด
แต่ข้อมูลจากกรมป่าไม้ ชี้ว่า ร้อยละ 85ของไฟป่า เกิดจากฝีมือมนุษย์

ส่วนภาวะแล้งจัดและลมกระโชกแรง เป็นจุดร่วมของไฟป่าแทบทุกครั้ง และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยิ่งซ้ำเติมให้สถานการณ์เลวร้าย เนื่องจากสภาพอากาศแห้งและร้อนจัด จะช่วยให้ไฟป่าลุกลามอย่างรวดเร็ว ขณะที่ความแห้งแล้งส่งผลให้พืชพรรณกลายเป็นเชื้อเพลิงชั้นดี

นอกจากนี้แนวทางในการจัดการป่าและการจัดการแหล่งเชื้อเพลิงเป็นปัจจัยสำคัญต่อความรุนแรงและขนาดของไฟป่าในแต่ละครั้งเช่นกัน เช่นการเผาป่าแบบควบคุมเพื่อลดปริมาณเชื้อเพลิงและจำกัดขอบเขตไม่ให้ไฟป่าสร้างความเสียหายให้พื้นที่เป็นวงกว้างจนยากเกินควบคุม หลังอัตราการเกิดไฟป่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตลอด 40 ปีจาก 18,000 ครั้ง ในปี 1983 เป็น 66,000 ครั้ง ในปี 2022 

ไฟป่าบนเกาะเมาอีทำให้คนหันมาตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และยังเป็นบทเรียนให้รัฐบาลท้องถิ่น เตรียมระบบเตือนภัยให้พร้อมอีกด้วย

อ่าน : เลวร้ายสุดในรอบ 100 ปี "ไฟป่าฮาวาย" สหรัฐฯ เสียชีวิตกว่า 90 คน

วิเคราะห์โดย : พงศธัช สุขพงษ์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง