เปิดคำต่อคำ “จตุพร” มองอนาคต “ทักษิณ”

การเมือง
19 ธ.ค. 66
12:09
511
Logo Thai PBS
เปิดคำต่อคำ “จตุพร” มองอนาคต “ทักษิณ”
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
“จตุพร พรหมพันธุ์” แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน มองอนาคต “ทักษิณ ชินวัตร” ในฐานะคนที่เคยสนิทกันมานานถึง 29 ปี ก่อนจะถึงจุดแตกหัก และแยกย้าย

จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน ให้สัมภาษณ์รายการ “ข่าวเจาะย่อโลก” ไทยพีบีเอส เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2566 ถึง “อนาคตของทักษิณ” ว่า ปัญหาคือการกลับเข้าประเทศไทย เมื่อวันที่ 22 ส.ค.2566 ก่อนหน้านี้มีการดิวต่างกรรมต่างวาระนับครั้งไม่ถ้วน จนกระทั่งมาลงตัววันที่ 22 ส.ค.2566

ถามว่ากลับมาประเทศไทย ไม่ติดคุกแม้แต่เพียงวันเดียว พรรคก็แพ้การเลือกตั้ง แต่ได้จัดตั้งรัฐบาล เป็นแกนนำรัฐบาล ถามว่าได้มาฟรี ๆ หรือ ดังนั้นสิ่งที่เราต้องติดตามกันต่อไปว่า แลกกับอะไร แล้วระยะเวลาสิ้นสุดข้อตกลงกันเมื่อไหร่

สิ่งที่เขาแลกคืออะไร

จตุพร : ผมก็เคยเปรียบเปรยว่า มันเหมือนคนไปแลกวิญญาณ ขายวิญญาณ กับซาตาน ก็ต้องเป็นปีศาจ ผมเองเห็นทางการเมือง และก็ติดตามทางการเมืองมานาน ผมก็เห็นว่า เวลาเขาดีลทางการเมือง โดยเฉพาะวิธีการของท่านนายกฯ ทักษิณ ท่านก็จะดีล Job By Job ตอน By ตอน ผมเชื่อในทางการเมือง ไม่มีใครไว้วางใจกันโดยตลอด

แล้วทุกคนก็ต้องรู้ว่า วุฒิสภาสิ้นอายุขัยเดือนพฤษภาคม ที่จะโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นการเข้ามาของเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งเข้ามาคนเดียว ไม่ได้มี สส.อยู่ในมือ ซึ่งก็เห็นกันอยู่แล้วว่า เขาอยู่ในสถานะไหน บทบาทเป็นอย่างไร เขาก็เป็นคนขยัน แต่เป็นเรื่องที่ยากที่สุดเหมือนกันว่า พรรคเขาก็มีเจ้าของ

ผมเองก็เห็นว่า วันนี้ประเทศไทยมันแลกกันหลายอย่าง กระบวนการยุติธรรมนี่ย่อยยับเลย กรณีของ นายกฯ ทักษิณ แม้แต่โทษจำคุกเหลือ 1 ปี แต่ระบบคุณธรรม เรื่องจริยธรรม ของกระบวนการยุติธรรมมันถูกทำลาย

เพราะพระบรมราชโองการเหลือ 1 ปี ด้วยเหตุที่อดีต นายกฯ ทักษิณ ยอมรับผิดถึงการกระทำ ทุกคดีที่คำพิพากษา ยอมรับผิดถึงการกระทำดังกล่าว สำนึกแล้วถึงการกระทำดังกล่าว จึงเป็นเหตุให้มีพระบรมราชโองการ ตามคำถวายแนะนำ ประกอบพระบรมราชวินิจฉัยของรัฐบาล

เพราะฉะนั้นวันนี้จะไปกล่าวอ้างว่า คดีนี้เป็นผลพวงจากการยึดอำนาจก็ไม่ได้ เพราะท่านยอมรับเองว่า กระทำความผิดจริง และก็สำนึกแล้ว แปลความง่ายๆ อย่างนั้น

ดังนั้นเมื่อสำนึกแล้ว การรักษาตัวเจ็บไข้ได้ป่วย คนไทยไม่มีใครใจดำ แต่ให้เขาได้รู้ว่าป่วยจริง

วันที่ 22 สิงหาคม 2566 ถ้าท่านลงเครื่องบิน แล้วเข็นเตียงพยาบาล น้ำเกลือระโยงระยาง คนไม่ตั้งคำถาม นี่ท่านลงในท่วงทำนองที่ปกติ พร้อมมาก ไปศาลฎีกา และไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น ทุกคนก็รู้ว่าท่านป่วยมา 120 วัน

ดังนั้นอะไรก็ตามคนไทยมีความรู้สึกว่า มันใช่มั้ย แต่ว่านี่ท่านไม่เข้าคุก แม้แต่เพียงวันเดียว ตามคำที่เคยพูดว่า จะกลับอย่างเท่ห์ๆ และคำว่าเท่ห์ๆ ก็อธิบายความอย่างชัดเจน คือไม่ติดคุกแม้แต่เพียงวันเดียว ซึ่งก็เป็นเช่นนั้น

แล้วที่สำคัญที่สุด ช่องทางที่จะได้กลับบ้าน ก่อนหน้านี้มี 2 ช่องทาง และยังไปไม่ถึง และยังมีช่องทางที่ 3 ช่องทางแรกในแวดวงการเมืองก็เห็นถึงความพยายาม คือพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษทั่วไป คือโทษตามปีจะได้รับอานิสงส์คือปล่อยตัวเลย

สองคือเรื่องการพักโทษ การพักโทษจะมีหลายคุณสมบัติและเรียงอำนาจหน้าที่ โดยหลักปกติแบบเทพไท เสนพงษ์ ที่เพิ่งออกมา คือ ต้องติดคุก 2 ใน 3 หมายความว่า 22 เม.ย. กรณี 1 ใน 3 ต้องเรียงกันถึงกระทรวง ซึ่งเป็นความยุ่งยากและน้อยมากที่จะเข้าสู่คุณสมบัติดังกล่าว ซึ่งเส้นทางนี้ก็เห็นว่ายาก

ทีนี้พอไม่มีพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษทั่วไป ต.ค.ก็แล้ว ธ.ค.ก็แล้ว ระเบียบที่เปลี่ยนสถานที่คุมขัง บ้านก็เป็นเรือนจำได้ ลงนามโดยรักษาการณ์อธิดีกรมราชทัณฑ์ วันที่ 6 ธ.ค.2566

จริงอยู่ อธิบายว่า กฎหมายมีตั้งแต่ปี 2560 กฎกระทรวงมีตั้งแต่ปี 2563 ระเบียบกรมราชทัณฑ์มีปี 2566 ไม่ได้เร่งอะไร แต่มาลงนามเอาวันที่ 6 ธ.ค.2566 ซึ่งเป็นการตอบโจทย์ว่า วันที่ 5 ธ.ค.2566 ไม่มีแล้ว

และที่สำคัญที่สุด ลองไปดูคุณสมบัติ เข้ากับนายกฯ ทักษิณ ทุกข้อ เพราะปลายเปิด แค่คุณสมบัติเป็นนักโทษตามกฎหมายราชทัณฑ์

อนาคตของนายทักษิณ หลังจากนี้จะเป็นแค่สัญลักษณ์ทางการเมือง ที่พรรคเพื่อไทยอาจจะใช้ในการหาเสียงหรือนายทักษิณ จะกลับมาเป็นผู้เล่น

จตุพร : ความเป็นตัวตนของท่าน ท่านเป็นคนแอคทีฟตลอดเวลา เราก็ต้องดูอุปนิสัยใจคอ เรื่องราวต่าง ๆ มากมาย ที่เราได้ยินเยอะแยะตลอดเวลา เพียงแต่ว่า อย่างที่ผมบอกว่า ดีลเรื่องอะไร แลกกับเรื่องอะไร ระยะเวลาเท่าไหร่ ข้อตกลงอย่างไร มันก็จะเป็นคำตอบ

สำหรับความเป็นตัวตนท่านอยากอยู่แล้ว โดยบุคคลิก โดยอุปนิสัยใจคอของท่าน เพราะที่ผ่านมา อาจจะเห็นอะไรขัดอกขัดใจ ถือเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่เฉพาะตัวท่านหรอก ที่ผมพูดผมรู้ว่านายกฯ ทักษิณ รู้ว่าผมหมายถึงอะไร

ถ้าวันนี้นายทักษิณ ยังจะฟังนายจตุพร อยากจะพูดอะไร

จตุพร : ผมกับท่านนายกฯ ทักษิณ ท่านอาจจะโกรธผมบ้าง ท่านก็ต้องรู้ว่าทั้งหมดนั้น เกิดมาจากตัวท่านเอง ผมเอาชีวิตเข้าแลก เข้าออกคุกมาแล้ว 5 ครั้ง คดีที่ตัดสินไปแล้ว 1 คดี ที่เหลืออีกเป็นหางว่าว จะต้องกลับเข้าคุกอีกวันไหนก็ไม่รู้

นายกฯ ทักษิณ ต้องรู้จักผม เพราะฉะนั้นคนที่ไปร่วมเป็นร่วมตาย เขามีหลักเขามีจุดยืน ผมอาจจะแตกต่างไปจากลูกน้องท่านที่เป็นนักเลือกตั้ง หรือบุคคลอื่นที่ชอบสอพลอ แต่ผมเห็นว่า อะไรที่มันไม่ถูกมันก็คือไม่ถูก เพราะตลอดระยะเวลาที่ผมมาฟาดฟันกับท่าน ถ้าผมพูดผิด บัดนี้ผมถูกถลกหนังไปแล้ว ถ้าผมมีพฤติกรรมที่จะถูกกล่าวหาได้ เพราะผมอยู่กับท่านมา 29 ปี

ถ้ามันมีเรื่องสารเลว ป่านนี้ก็คงเดินหน้าใส่กันเป็นตับแล้ว เพราะผมกระแทกทุกวัน ผมอยากจะฝากสุดท้ายว่า ชีวิตเรา อยู่ในช่วงปลายๆ กันแล้ว ควรจะให้กับบ้านเมืองเสียบ้าง สิ่งที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ มันไม่ยิ่งใหญ่เท่ากับคำว่าสัจจะ คำว่าเรื่องชาติบ้านเมือง ฉะนั้นตัวเองได้รับโอกาสจากแผ่นดินถึงขนาดนี้ ก็ควรที่จะชดเชยให้กับแผ่นดินเสียบ้าง

ความร่ำรวยของมนุษย์มันก็เอาไปไม่ได้ อายุขัยของมนุษย์ก็มีอยู่เท่านั้น ผมวาดหวังว่า การเข้ามาประเทศไทยคราวนี้ ท่านจะไม่ต้องออกไปอีก ดวงตาจะได้เห็นธรรม ความโกรธระหว่างผมกับท่านผมไม่มีเรื่องส่วนตัวนะ ผมวางไปนานแล้ว ท่านมีสิทธิโกรธผมอยู่ แต่ว่าท่านต้องรู้ว่า ตัวท่านเป็นสาเหตุสำคัญ

และสิ่งที่ท่านต้องรู้คือผลลัพธ์ อย่างที่ท่านเคยเจอว่า ทำอะไรได้รับผลลัพธ์อะไร มิฉะนั้นท่านก็ไม่ได้อยู่ในแผ่นดินนี้

ถาม : จะเจอกันยังไหว้ได้มั้ย
จตุพร : ผมเป็นคนให้เกียรติคนตลอดนะ ตั้งแต่มีเรื่องมา ผมเรียกท่านนายกฯ ทักษิณ ตลอดนะ ไม่เคยมีสรรพนามอื่น คนเราอยู่ด้วยกันมา 29 ปี ทั้งหมดมันไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ความรู้สึกส่วนตัว การนับถือส่วนตัวเป็นเรื่องปกติ แต่เรื่องการทำหน้าที่ของความเป็นมนุษย์มันต่างกัน

อ่านข่าวอื่นๆ

ปชป.เครื่องร้อนยื่นคำร้องศาลขอไต่สวนบังคับคดีจำคุก "ทักษิณ"

แผ่นดินไหวรุนแรง "มณฑลกานซู" มีรายงานตายมากกว่า 100 คน

พม.ยัน "น้องไนซ์" ไม่เครียด กดดัน - "พวงเพ็ชร" ประสาน พศ.ดูแล

ข่าวที่เกี่ยวข้อง