ตม.ภูเก็ต เร่งพิจารณาถอนวีซา ฝรั่งทำร้ายหมอ ฐานเป็นภัยต่อสังคม

อาชญากรรม
6 มี.ค. 67
15:11
1,018
Logo Thai PBS
ตม.ภูเก็ต เร่งพิจารณาถอนวีซา ฝรั่งทำร้ายหมอ ฐานเป็นภัยต่อสังคม
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ตม.ภูเก็ต เร่งพิจารณาเพิกถอนวีซา "เดวิด" ทำร้ายร่างกายแพทย์หญิง ประพฤติเป็นภัยต่อสังคมหรือไม่ หาก 13 มี.ค.คดีไม่เสร็จต้องใช้วีซาประเภทคดีความ

พ.ต.อ.ปริญญา กลิ่นเกษร รองผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 ในฐานะรองโฆษกสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เปิดเผยถึงคดีนายเดวิดการทำร้ายร่างกายแพทย์หญิง ว่าขณะนี้อยู่ระหว่างพนักงานสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเตรียมส่งฟ้อง โดยเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ โดยในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาได้มามอบตัวเจ้าหน้าที่จึงปล่อยตัวไประหว่างการต่อสู้คดี และนายเดวิด ขณะนี้ยังอยู่ในประเทศไทย 

ในส่วนของ ตม.ได้รับหนังสือจากผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เสนอขอให้เพิกถอนวีซาเนื่องจากเป็นผู้ที่ประพฤติเป็นภัยต่อสังคม กรณีทำร้ายร่างกายแพทย์หญิง และเรื่องอื่นๆ ที่โดนร้อง

นอกจากนี้ยังได้รับหนังสือจากทาง รองผู้ว่าฯภูเก็ต ขอเพิกถอนวีซาเช่นกัน ซึ่งยังอยู่ในชั้นของการพิจารณา อย่างถี่ถ้วน ละเอียด และรอบคอบ

สำหรับวีซาของนายเดวิดที่จะมีกำหนดสิ้นสุดในวันที่ 13 มี.ค.นี้ หากคดียังไม่เสร็จ สามารถต่อวีซาประเภทคดีความได้ แต่ไม่สามารถต่อวีซาประกอบธุรกิจได้ ซึ่งเจ้าตัวต้องเป็นคนต่อเอง หรือหากไม่ต่อวีซาประเภทคดีความปล่อยให้วีซาสิ้นสุด ก็จะกลายเป็นบุคคลที่อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด ซึ่งจะมีโทษปรับวันละ 500 บาท และถ้าเกินกว่า 90 วัน จะถูกแบล็คลิสต์

ในกรณีที่มีกระแสข่าวนายเดวิดไปก่อคดีทำร้ายร่างกายในพื้นที่ จ.ตรัง ล่าสุดได้มีการประสานงานกับทาง ตม.ตรัง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าเป็นการไปทำร้ายคุณป้าในห้างสรรพสินค้าเนื่องจากมีปากมีเสียงกัน โดยผู้บาดเจ็บได้รับอันตรายสาหัส

อ่านข่าว : ชาวสวิสทำร้าย “หญิงไทย” กลางห้าง เจ็บสาหัส 

ทั้งนี้เงื่อนไขการเพิกถอนการอนุญาต คนต่างด้าวนั้นจะต้องเป็นบุคคลต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร ถ้าพบว่าเป็นบุคคลต้องห้ามตั้งแต่ตอนเดินทางเข้าประเทศก็จะปฏิเสธไม่ใช้เดินทางเข้า แต่ถ้าหากมาพบในขณะที่อยู่ในประเทศไทยก็ต้องแจ้งให้เดินทางออก หรือถ้ามีสิทธิมีวีซาก็ต้องทำการเพิกถอน

ซึ่งการดูว่าเป็นบุคคลต้องห้ามหรือไม่ เช่น ไม่มีหนังสือเดินทาง ไม่มีเงินยังชีพ หรือไปประกอบอาชีพที่ห้ามคนต่างด้าวทำ หรือเป็นบุคคลที่ศาลพิพากษาให้จำคุก ซึ่งในกรณีเช่นนี้อาจจะมีลักษณะต่างจากนายเดวิดที่มีคดีทำร้ายร่างกาย ซึ่งกรณีเช่นนี้เป็นดุลยพินิจของทาง ตม.ตรัง และ ผู้การ ตม.6 ว่าจะรอผลคำพิพากษาของศาลหรือไม่ หรือจะประเมินว่าเป็นภัยต่อสังคม เพราะการทำร้ายร่างกายจนถึงขั้นเสียชีวิตหรือได้รับอันตรายสาหัสก็ถือว่าเป็นภัยต่อสังคม

อ่านข่าว : รื้อแล้ว บันไดวิลลารุกที่สาธารณะภูเก็ต จุดเกิดเหตุฝรั่งทำร้ายหมอ

การยกระดับเฝ้าระวังพฤติกรรมชาวต่างชาตินั้น พ.ต.อ.ปริญญา ระบุว่า อันดับแรกมองเป็นเรื่องว่าถ้าบุคคลใดกระทำความผิด บุคคลนั้นต้องรับโทษ ซึ่งเป็นเรื่องความผิดต่อส่วนตัว ในส่วนของหน้าที่ ตม. คือสกัดกั้นและป้องกันไม่ให้คนต่างด้าวเข้ามาโดยผิดกฎหมาย หรือเข้ามาทำงานแบบผิดกฎหมาย ซึ่งในขณะที่เข้ามาในประเทศไทยจะมีการตรวจโดยระบบโดยระบบเทคโนโลยี ที่เรียกว่า ไบโอเมทริก ซึ่งจะตรวจว่าบุคคลนี้มีแบล็คลิสต์ หรือมีหมายจับหรือไม่ ถ้าไม่เข้าข่ายเป็นบุคคลต้องห้ามก็ต้องอนุญาตให้เข้าตามสิทธิ ส่วนถ้าเมื่อมากระทำความผิดก็เป็นคนละเรื่องกัน

นอกจากนี้ในส่วนของตำรวจ ตม.มีมาตรการเอ็กซเรย์พื้นที่เสี่ยง และรวบรวมข้อมูลโดยตลอด ตม.แต่ละพื้นที่ออกตระเวนตรวจทุกวัน รวมถึงการตรวจสถานที่พัก โรงแรมต่างๆ นอกจากนั้นยังมีการไปพบปะพูดคุยถึงเบาะแสต่างๆ ด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

ลุ้นวีซา ฝรั่งทำร้ายหมอ หมด 13 มี.ค. ผู้ว่าฯภูเก็ตสั่งสอบมาเฟียต่างชาติ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง