เมื่อวันที่ 24 เม.ย.2567 ที่ร้านขายชุดนักเรียน ถ.ท่ากลาง ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง มีผู้ปกครองมาซื้อชุดนักเรียนให้กับบุตรหลานต่อเนื่อง น.ส.อุบล วัชโรทยางกูร เจ้าของร้าน บอกว่า ราคาชุดนักเรียนเท่ากับปีที่แล้วและไม่ได้สต็อกสินค้ามากนัก เพราะสภาพเศรษฐกิจไม่ดี คนขาดกำลังซื้อ สังเกตจากเมื่อปลายที่แล้ว ปกติช่วงเปิดเทอม 2 จะมีคนมาซื้อชุดนักเรียนเพิ่ม แต่ปีนี้น้อยมาก โดยผู้ปกครองซื้อน้อยลง จากเดิมซื้อคนละ 3 ชุด ปีนี้ซื้อแค่คนละ 1-2 ชุด
นอกจากนี้ ฝากไปถึงผู้ปกครองดูแลบุตรหลานเรื่องอาหารการกิน เพราะสังเกตพบว่าเด็กตัวจะใหญ่ขึ้นมากทุกปี ไม่ใช่โตตามอายุ แต่เป็นภาวะอ้วน เสื้อผ้าต้องใช้ชุดใหญ่ขึ้น หากใช้ไซซ์ใหญ่ขึ้นราคาก็จะสูงขึ้น
ส่วนอีกร้านแม้จะช่วงเย็นแล้ว แต่ก็มีผู้ปกครองเข้ามาซื้อสินค้าต่อเนื่อง นางยุพา เพ็ชรคง เจ้าของร้าน บอกว่า ปีนี้ทั้งชุดนักเรียน กระเป๋า รองเท้า ขายราคาเดิม ติดราคาชัดเจน โดยให้ลูกค้าดูว่าแต่ละไซซ์ แต่ละขนาดนั้นราคาเท่าไร ทางร้านก็ลงทุนเตรียมสินค้าไว้ครบเพื่อให้เป็นทางเลือกแรกของลูกค้า เนื่องจากต้องแข่งขันกับร้านอื่นด้วย
ด้านผู้ปกครอง ซี่งมีลูก 2 คน เรียนโรงเรียนเอกชน บอกว่า เปิดเทอมต้องเตรียมเงินไว้มากพอสมควร รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 30,000 บาทไม่รวมค่าเรียนพิเศษ ส่วนเสื้อผ้า รองเท้า ก็ซื้อที่จำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนหรือจำเป็นต้องซื้อเพิ่มเท่านั้น
เช่นเดียวกับผู้ปกครอง พาหลานๆ มาซื้อเสื้อผ้า บอกว่า หลานชายขึ้นชั้น ป.1 ต้องซื้อของใหม่ทั้งหมด เสื้อผ้าต้อง 2 ชุด ไว้เปลี่ยน ส่วนหลานสาวขึ้นชั้น ป.4 ซื้อแต่ชุดยุวกาชาด ส่วนเสื้อผ้าใช้ของปีที่แล้ว ซึ่งยังใช้ได้ ไม่ต้องซื้อใหม่ ต้องประหยัดอะไรที่ใช้ได้ก็ใช้ไปก่อนเศรษฐกิจไม่ดี
คูณผู้ชมจะเห็นว่าบางบ้านใช้นโยบาย ชุดไหนใส่ได้ใส่ไปก่อน เพราะต้องการประหยัด ซึ่งต้องยอมรับว่ามีบางครอบครัวเหมือนกันที่อาจจะมีรายได้ไม่มากและอาจจะมีเงินไม่พอที่จะซื้อชุดใหม่ทั้งหมด
ร้านทองร้อยเอ็ด จัดกิจกรรมแบ่งปันชุดนักเรียนมือ 2
มีไอเดียที่น่าสนใจจาก จ.ร้อยเอ็ด เป็นเจ้าของร้านทอง ที่บอกว่า ก่อนเปิดเทอมทีไร ผู้ปกครองมักนำทองคำมาจำนำไว้เพื่อนำเงินไปซื้ออุปกรณ์การเรียนและชุดนักเรียนให้กับบุตรหลาน ทางร้านทองก็เห็นใจ จัดกิจกรรม "แบ่งปันชุดนักเรียนมือ 2" รับบริจาคชุดนักเรียนเก่าเอามาแจกฟรี ลดภาระผู้ปกครองนักเรียน ซึ่งก็มีผู้ปกครอง หลายคน พากันเข้ารับแจกฟรี
นายวิมล อาชาสันติสุข เจ้าของร้านทอง ผู้ริเริ่ม ทำโครงการนี้ กล่าวว่า เป้าหมายเพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ปกครอง เพราะไม่ต้องไปซื้อชุดนักเรียนใหม่สามารถประหยัดเงิน ได้ถึง 600 บาท/ชุด (ของ 2 ชิ้น) ทั้งเสื้อ กระโปรง โดยไม่รวมรองเท้า และกระเป๋า และ ขอให้ผู้ปกครองที่มารับนำไปเท่าที่จำเป็น เพื่อจะกระจายได้ทั่วถึง
และเมื่อมีคนที่ทราบข่าว ก็นำมาบริจาคเพิ่ม ทำให้การแจกมีการขยายขึ้นจากเดิมที่จะแจกเพียงวันเดียว ขยายมาเป็น 3 วัน ทางคุณวิมลบอกว่า โครงการเช่นนี้ตอบรับดีและเป็นประโยชน์ ก็จะทำเป็นประจำต่อเนื่องไปทุกปี
อ่านข่าวอื่น :
ป.ป.ช.ชี้คดีผู้บริหาร ปตท.สผ."รับสินบน" โรลส์-รอยซ์ ซื้ออุปกรณ์ "โครงการอาทิตย์"