นายกฯ แจงมาตรการ"ฟื้นฟูไทยหลังภัยพิบัติ" ร่วมลงนามให้อาเซียนเข้มแข็งในเวทีโลก

ต่างประเทศ
18 พ.ย. 54
09:19
16
Logo Thai PBS
นายกฯ แจงมาตรการ"ฟื้นฟูไทยหลังภัยพิบัติ" ร่วมลงนามให้อาเซียนเข้มแข็งในเวทีโลก

(19th ASEAN Summit) ที่ศูนย์ประชุม Bali Nusa Dua Conventional Centre (BNDCC) บาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน มีประเด็นการหารือหลัก ได้แก่ การสร้างประชาคมอาเซียนในปี 2558 การเสริมสร้างบทบาทของอาเซียนในเวทีโลก และประเด็นระดับภูมิภาคและประเด็นระหว่างประเทศต่างๆ รวมทั้งได้เข้าร่วมการประชุมผู้นำอาเซียนกับสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน (ASEAN Leaders’ Meeting with the ASEAN Business Advisory Council: ABAC) ด้วย

ในการประชุมเต็มคณะของการประชุมสุดยอดฯ ผู้นำอาเซียนได้รับทราบความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนงานการจัดตั้งประชาคมอาเซียนทั้ง ๓ ด้าน ได้แก่ การเมืองและความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคมและวัฒนธรรม โดยหลายประเทศแสดงความเห็นเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจโลกซึ่งมีความผันผวนสูง ดังนั้น อาเซียนจึงจำเป็นต้องเร่งรัดการรวมตัวทางเศรษฐกิจเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของภูมิภาค รวมทั้งเพื่อให้การพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาคมีความเท่าเทียมกัน ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม และยั่งยืน นอกจากนี้ ประเทศสมาชิกอาเซียนเห็นพ้องว่า อาเซียนควรเร่งรัดการดำเนินการตามแผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงในอาเซียน เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันของอาเซียนและช่วยสนับสนุนการรวมตัวของอาเซียนในด้านต่างๆ โดยอาเซียนควรพิจารณาแนวทางในการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในเรื่องนี้ 

ในการประชุมอย่างไม่เป็นทางการของการประชุมสุดยอดฯ ผู้นำอาเซียนได้หารือเกี่ยวกับประเด็นภูมิภาคและประเด็นระหว่างประเทศ อาทิ ความมั่นคงทางทะเล และการบริหารจัดการภัยพิบัติ รวมทั้งได้แลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับการส่งเสริมบทบาทของอาเซียนในเวทีโลก และการรักษาความเป็นศูนย์กลางของอาเซียนในสถาปัตยกรรมภูมิภาค โดยเฉพาะในกรอบการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก ซึ่งจะมีสหรัฐฯ และรัสเซียเข้าร่วมเป็นครั้งแรก นอกจากนี้ ที่ประชุมสุดยอดอาเซียนได้แสดงความยินดีต่อพัฒนาการด้านประชาธิปไตยและการปฏิรูปเศรษฐกิจและการเมืองของเมียนมาร์ และสนับสนุนให้เมียนมาร์เป็นประธานอาเซียนในปี ๒๕๕๗ โดยหวังว่า เมียนมาร์จะยังคงดำเนินการเพื่อรักษาพัฒนาการเชิงบวกนี้ต่อไป

ในส่วนของไทย นายกรัฐมนตรีได้ย้ำถึงเสถียรภาพทางการเมืองของไทย เพื่อให้ไทยสามารถกลับมา มีบทบาทที่แข็งขันในอาเซียน รวมทั้งได้ให้ความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการฟื้นฟูประเทศภายหลังอุทกภัย และย้ำความสำคัญและความจำเป็นเร่งด่วนที่อาเซียนจะต้องเพิ่มพูนความร่วมมือด้านการบริหารจัดการภัยพิบัติด้านอุทกภัยและ การบริหารจัดการน้ำ ในการนี้ ที่ประชุมได้รับรอง “แถลงการณ์ผู้นำอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือในด้านการป้องกันอุทกภัย การลดผลกระทบ การบรรเทา การฟื้นฟู และการบูรณะ” ซึ่งเป็นข้อเสนอของไทย และทุกประเทศได้แสดงความชื่นชมต่อความคิดริเริ่มของไทยในเรื่องนี้

รัฐบาลไทย ได้แสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการสนับสนุนให้อาเซียนมีบทบาทที่แข็งขันขึ้นในเวทีโลก เพื่อรับมือผลกระทบต่างๆ จากความท้าทายระดับโลกต่างๆ  โดยในเรื่องเศรษฐกิจ อาเซียนควรพึ่งพาการเจริญเติบโตจากภายในภูมิภาค ดังนั้นควรส่งเสริมการรวมตัวทางเศรษฐกิจในอาเซียนและสร้างความเป็นหุ้นส่วนกับประเทศภายนอก นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้ขอให้อาเซียนสนับสนุนการสมัครเป็นสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติของไทย สำหรับวาระปี 2017-2018 รวมทั้งได้แสดงการสนับสนุนต่อการเป็นประธานอาเซียนของพม่าในปี 2557

ในการหารือระหว่างผู้นำอาเซียนกับสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน (ABAC) ที่ประชุมได้แสดงความสนับสนุนการเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน โดยเฉพาะในการระดมทุนเพื่อดำเนินการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านความเชื่อมโยงต่างๆ ในภูมิภาค รวมทั้งเน้นย้ำบทบาทที่สำคัญของ ABAC ในการร่วมสร้างประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

รวมทั้ง ABAC ได้เสนอให้มีการจัดตั้ง ASEAN Trade and Investment Centre ในสมาชิกอาเซียนทุกประเทศ ในส่วนของไทย นายกรัฐมนตรีได้ย้ำถึงบทบาทที่สำคัญของ ABAC ในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของภาคธุรกิจอาเซียน โดยเฉพาะ SME เพื่อช่วยสร้างภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นต่ออาเซียนของภูมิภาคอื่นๆ และเห็นว่า ABAC ควรมีบทบาทเชิงรุกในการใช้ประโยชน์จากประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน รวมทั้งความตกลงเขตการค้าเสรีระหว่างอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการฟื้นฟูประเทศหลังภัยพิบัติของไทย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจอาเซียนต่อเศรษฐกิจไทย

หลังการประชุม นายกรัฐมนตรี ลงนามร่วมในปฏิญญาบาหลีว่าด้วยประชาคมอาเซียนในประชาคมโลก รวมทั้งร่วมเป็นสักขีพยานการลงนาม “ความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์ประสานงานอาเซียนสำหรับให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการจัดการภัยพิบัติ” และ “ปฏิญญาว่าด้วยเอกภาพของอาเซียนในความหลากหลายทางวัฒนธรรม: สู่ความมั่นคงของประชาคมอาเซียน” ซึ่งลงนามโดยรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน


ข่าวที่เกี่ยวข้อง