เหตุตึงเครียดในอัฟกานิสถาน
นักศึกษาราว 2 พันคนในเมืองจาลาลาบัด ในประเทศอัฟกานิสถาน ร่วมการประท้วงต่อต้านสหรัฐ รวมทั้งเผาหุ่นจำลอง ซึ่งการประท้วงที่เกิดขึ้นนับเป็นการประท้วงครั้งแรกหลังนายทหารอเมริกันวัย 38 ปี ก่อเหตุสะเทือนขวัญด้วยการยิงพลเรือนชาวอัฟกันในเมืองกันดาฮาร์เสียชีวิตถึง 16 คน ผู้ประท้วงยังเรียกร้องให้นายฮามิด คาไซ ประธานาธิบดี ปฏิเสธการลงนามในแผนยุทธศาสตร์ร่วมสหรัฐ-อัฟกานิสถาน ที่เจรจาใกล้เสร็จสิ้น ขับไล่ถอนทหารนานาชาติที่มีกองทัพสหรัฐเป็นผู้นำปฏิบัติการณ์ ออกจากอัฟกานิสถาน ปล่อยนักโทษที่ทหารอเมริกันควบคุมตัว และเรียกร้องให้นำตัวทหารอเมริกันที่ก่อเหตุมาพิจารณาคดีที่จังหวัดกันดาฮาร์
ในวันเดียวกันนี้ก็มีรายงานว่าคณะผู้แทนด้านความมั่นคงของรัฐบาลอัฟกานิสถาน ซึ่งรวมถึงน้องชายของประธานาธิบดี ฮามิด คาไซ ถูกโจมตีระหว่างลงพื้นที่เกิดเหตุในจังหวัดกันดาฮาร์ ทำให้ทหารเสียชีวิต 1 นาย และมีผู้บาดเจ็บ 3 คน
ก่อนหน้านิ้ นายลีออน เพนเนตตา รมต.กลาโหมสหรัฐ ระบุว่ากองทัพจะสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และมีความเป็นไปได้สูงที่ทหารที่ก่อเหตุจะถูกพิจารณาคดี ซึ่งโทษสูงสุดคือประหารชีวิต ขณะเดียวกันเขาก็ยอมรับว่าสงครามคือนรก และเหตุการณ์ในลักษณะนี้สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และในทุกที่ที่มีการต่อสู้
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐ กับอัฟกานิสถานตึงเครียดหนัก หลังจากที่ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งเกิดความรุนแรง หลังมีการเปิดเผยข่าวทหารอเมริกันเผาพระคัมภีร์อัล กุรอ่าน แต่นายบารัค โอบาม่า ประธานาธิบดีสหรัฐ ก็ยืนยันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะไม่กระทบกับกำหนดการถอนกำลังทหารอเมริกัน และทหารนานาชาติ ออกจากอัฟกานิสถานในสิ้นปี 2557 เพราะการเร่งรัดถอนทหาร อาจทำให้เกิดความวุ่นวาย และเกิดหายนะที่เลวร้ายทั้งในอัฟกานิสถาน และในภูมิภาค
ขณะที่มีรายงานว่าทหารที่ก่อเหตุ อายุ 38 ปี เป็นคุณพ่อลูก 3 ซึ่งเคยปฏิบัติหน้าที่ในอิรักมาแล้ว 3 ครั้ง และเคยบาดเจ็บทางศรีษะระหว่างปฏิบัติหน้าที่ในอิรัก แต่ภายหลังแพทย์ระบุว่าแข็งแรงพอจะประจำการได้ จึงถูกส่งมาประจำการที่อัฟกานิสถานอีก และขณะนี้เขาถูกควบคุมตัวไว้แล้ว ซึ่งหลังก่อเหตุเขาก็ขอมอบตัว และสารภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยตัวเอง