ผลวิจัยเอแบคโพลน่าห่วง วัยรุ่นส่วนใหญ่ระบุ “อยากเห็นเต้นโคโยตี้ – อยากดื่มเหล้า” ช่วงสงกรานต์นี้

สังคม
10 เม.ย. 55
09:01
10
Logo Thai PBS
ผลวิจัยเอแบคโพลน่าห่วง วัยรุ่นส่วนใหญ่ระบุ “อยากเห็นเต้นโคโยตี้ – อยากดื่มเหล้า” ช่วงสงกรานต์นี้

เอแบคโพล เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจที่ถามถึงกิจกรรมที่น่าหวาดเสียว ไม่ได้ดีแต่อยากเล่น อยากดู อยากใช้ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึงพบว่า วัยรุ่นส่วนใหญ่ระบุว่า อยากดูการเต้นโคโยตี้และอยากดื่มเหล้า ขณะที่มีวัยรุ่นและเยาวชนเกินกว่า 1 ใน 10 ตั้งใจจะใช้ยาเสพติดช่วงเทศกาลสงกรานต์

นางสาว ปุณฑรีก์  อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สำนักวิจัยเอแบคโพล มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ระบุถึงสิ่งที่น่าเป็นห่วงหลังจากที่มีการวิจัยเชิงสำรวจ เรื่องเรื่อง วงเงินสะพัด สิ่งน่าหวาดเสียวทางสังคม และคนที่ประชาชนอยากรดน้ำดำหัวด้วยช่วงเทศกาลสงกรานต์ กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนอายุ 12 ปีขึ้นไปที่พักอาศัยใน 28 จังหวัดของประเทศ พบว่าสิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดในการสำรวจครั้งนี้คือ  มีวัยรุ่นและเยาวชนเกินกว่า 1 ใน 10 หรือร้อยละ 14.2  มีความตั้งใจที่จะใช้ยาเสพติดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ดูเหมือนว่าไม่ได้ลดลงแต่อย่างไรทั้งๆ ที่มีมาตรการปราบปรามอย่างเข้มงวด นอกจากนั้นแล้ว เเมื่อถามถึงกิจกรรมที่น่าหวาดเสียว ไม่ดีแต่อยากเล่น อยากดู อยากใช้ พบสิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ กลุ่มวัยรุ่น เยาวชนอายุไม่เกิน 24 ปีส่วนใหญ่หรือร้อยละ 62.3 อยากเล่นสาดน้ำขณะขับรถ ในขณะที่ผู้ใหญ่ที่อายุ 25 ปีขึ้นไปร้อยละ 44.5 อยากเล่นเช่นกัน และที่น่าเป็นห่วงคือ กลุ่มวัยรุ่น กลุ่มเยาวชนเกินครึ่งหรือร้อยละ 54.8 และกลุ่มผู้ใหญ่ร้อยละ 32.3 อยากดูการเต้น    โคโยตี้ นอกจากนี้ กลุ่มวัยรุ่นร้อยละ 38.1 และกลุ่มผู้ใหญ่ร้อยละ 34.6 อยากดื่มเหล้า เบียร์ ไวน์ ช่วงเทศกาล ร้อยละ 34.0  ของกลุ่มเยาวชน และร้อยละ 33.9 ของกลุ่มผู้ใหญ่อยากเล่นการพนัน และที่น่าพิจารณาคือ กลุ่มวัยรุ่นและเยาวชนเกินกว่า 1 ใน 10 หรือร้อยละ 14.2 และกลุ่มผู้ใหญ่ร้อยละ 4.5 ยังคงตั้งใจจะใช้ยาเสพติดช่วงเทศกาลสงกรานต์

ทั้งนี้ หัวหน้าโครงการวิจัย กล่าวเพิ่มเติมว่า เรื่องความตั้งใจจะใช้ยาเสพติดในกลุ่มวัยรุ่นและเยาวชนนั้น   เป็นสิ่งที่ดูเหมือนว่าไม่ได้ลดลงแต่อย่างไร ทั้งๆ ที่มีมาตรการปราบปรามอย่างเข้มงวดในช่วงเวลานี้อาจแสดงให้เห็นว่า มาตรการปราบปรามเพียงอย่างเดียวจะไม่สามารถแก้ปัญหายาเสพติดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และแม้แต่ในกลุ่มผู้ใหญ่ก็ยังมีสูงถึงประมาณร้อยละ 5 ของผู้ที่ถูกศึกษา ดังนั้น ปัญหาสังคมจึงเป็นปัญหาที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรัฐบาลชุดปัจจุบันจำเป็นต้องใส่ใจเร่งแก้ไขไม่ใช่มุ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว


ข่าวที่เกี่ยวข้อง