ศาลตัดสินประหาร จำเลยคดีฆ่ายกครัว
โทษตัดสินประหารชีวิตคือคำตัดสินที่นายวันชัย อ้นปันส์ จำเลยที่ 1 บอกกับญาติ หลังศาลอาญาอ่านคำพิพากษา ในคดีร่วมกับจำเลยอีก 3 คน ปล้นฆ่าครอบครัว ปทุมวาสนา ในบ้านพักย่านบึงกุ่ม แต่ศาลลดโทษจำคุกตลอดชีวิตให้กับจำเลยที่ 2 ถึง 4 เนื่องจากเห็นว่าทั้ง 3 คนรับสารภาพ ซึ่งระหว่างที่ศาลอ่านคำพิพากษา จำเลยที่ 2 มีอาการเครียดจนไม่สามารถควบคุมระบบขับถ่ายได้ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องคุมตัวลงมาไว้ห้องควบคุมตัวผู้ต้องหาชั้นล่าง
คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 เมษายน ปี 2553 ตำรวจนครบาลลาดพร้าว รับแจ้งมีผู้เสียชีวิต 5 คน ภายในบ้านพักหรู ในเนื้องที่ 1 ไร่ ย่านบึงกุ่ม ในสภาพที่เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 - 6 วัน แต่ละศพมีทั้งบาดแผลถูกยิง และถูกใช้ผ้าปิดจมูก ทำให้เสียชีวิต ขณะที่ทรัพย์สินในบ้านถูกรื้อค้น ตู้เซฟ และซีพียูคอมพิวเตอร์ รวมถึงรถยนต์หรูหายไป การสืบสวนเบื้องต้นผู้เสียชีวิต ทั้ง 5 คน คือครอบครัวปทุมวาสนา พร้อมคนรับใช้ โดยมีนายธนยศ เจ้าของธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ และธุรกิจซื้อขายที่ดิน เป็นหัวหน้าครอบครัว
ไม่นานตำรวจสามารถติดตามจับตัวผู้ต้องหาได้ 2 คน คือนายวันชัย และนายปริทรรศ นุ่มน้อย จำเลยที่ 2 ทั้งสองมีอาชีพขับรถแท็กซี่ โดยนายวันชัยเคยต้องคดีปล้นทรัพย์มาแล้ว ส่วนนายปริทรรศเคยต้องคดีฆ่าคนตาย และเพิ่งพ้นโทษออกมา การสอบปากคำในเบื้องต้น ผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นการฆ่าเพื่อชิงทรัพย์ แต่ชุดจับกุมยังไม่เชื่อในคำให้การ
ต่อมา ตำรวจกองปราบปราม จับนายธรายุทธ แสนสุข นายอำนาจ ภราดรพิทักษ์ จำเลยที่ 3 และ 4 ซึ่งทั้ง 2 คนให้การสอดคล้องกันเกือบทั้งหมดว่าคดีนี้มีผู้บงการ คือนายวันชัย เป็นตัวการหลักที่เชื่อมต่อไปยังบุคคลที่อยู่เบื้องหลัง หรือเป็นผู้รับงานมาอีกทอด
การสืบสวนยังพบประเด็นที่เชื่อว่าจะเป็นปมการสังหารคือ ประเด็นการทำธุรกิจแชมพูสมุนไพรที่ ภรรยานายธนายศ ที่เสียชีวิต ทำธุรกิจร่วมกับนายธนากร สมบูรณ์ชัย รวมทั้งการรับฝากจำนองที่ดิน ในจังหวัดปทุมธานี จากเอกสารข้อมูลตำรวจเชื่อว่านายธนกร เป็นผู้จ้างวาน และนายพงษ์พันธุ์ ศุภรัศมี ในฐานะผู้ใช้จ้างวาน แม้ทั้ง 2 คนจะปฏิเสธ แต่จากพยานหลักฐานที่พบทำให้ตำรวจใช้เวลาเพียง 2 เดือนจนสามารถปิดคดีได้ในที่สุด