วันนี้(25 มิ.ย.2560) ศ.สมพงษ์ จิตระดับ คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นักวิชาการด้านการศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยอมรับว่า การจ่ายเงินลักษณะที่เรียกว่า "แป๊ะเจี๊ยะ" เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าของผู้ปกครอง เพราะสามารถยืนคุณภาพการศึกษาของบุตรหลานได้ทำให้หลายคนจึงยอมจ่ายสูงหลักแสนบาท
เช่นเดียวกับผลวิจัยธนาคารโลก ชี้ชัดว่า คุณภาพการศึกษาเด็กในกรุงเทพมหานครต่างกับต่างจังหวัด มากถึง 3 ปี ทำให้เกิดช่องว่างความเลื่อมล้ำการศึกษาไทย นักวิชาการด้านการศึกษาส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า หากรัฐบาลนำระบบนิติบุคคลมาใช้ในโรงเรียนที่มีการแข่งขันสูง อาจเป็นทางออกของปัญหาเรียกรับเงินลักษณะนี้ได้
เพราะสามารถระดมทรัพยากรหรือรับเงินบริจาคจากผู้ปกครองได้อย่างเต็มที่ แต่ต้องบริหารจัดการให้ดี เพราะหากมีนักเรียนมาจากระดมทุนมากเกินไป จะทำให้คุณภาพการเรียนการสอนต่ำกว่ามาตรฐานได้
ภูมิศรันย์ ทองเลี่ยมนาค นักวิชาการด้านการศึกษา บอกว่า ขณะนี้ในต่างประเทศอย่าง สหรัฐ อเมริกา อังกฤษ นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย ฮ่องกง และสิงค์โปร์ เข้าสู่ระบบโรงเรียนิติบุคคลมากขึ้น หลังผู้ปกครองไม่พอใจ มาตรฐานทางวิชาการของรัฐต่ำเกินไปส่วนประเทศไทยแม้หลายโรงเรียนเริ่มเป็นนิติบุคคลแล้ว แต่ยังไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะนโยบายของแต่ละโรง เรียนยังไม่ชัดเจน