วันนี้ (11 พ.ย.2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กว่า 3 วันแล้วที่นางฤดีวรรณ รัตนพันธ์ และครอบครัว ต้องใช้ชีวิตในบ้านที่มีน้ำท่วมขังที่ หมู่ 1 ต.บางลึก อ.เมืองชุมพร หลังน้ำได้ไหลเข้าท่วมอย่างรวดเร็ว แม้ข้าวของบางส่วนจะสามารถขนย้ายไว้บนชั้น 2 ของบ้าน หรือการวางซ้อนจนพ้นน้ำ แต่มีทรัพย์สินอีกจำนวนไม่น้อยที่เสียหายจากน้ำท่วม และเพราะทำเลที่ตั้งของบ้าน ซึ่งอยู่ในที่ลุ่ม ทำให้บ้านของเธอยังจมอยู่ใต้น้ำ และระดับน้ำลดลงเพียงช้าๆ การกินอยู่หลับนอน หรือการหุงหาอาหารจึงแทบทำไม่ได้
ไม่แตกต่างไปจากครอบครัวแก้วยาว น้ำที่เข้าท่วมเมื่อ 3 วันก่อน วันนี้แทบจะไม่ลดลง ห้องนอน ห้องรับแขก ห้องน้ำ และห้องครัว ยังคงจมน้ำ การหุงหาอาหารเพื่อประทังชีวิตของคนในครอบครัว จึงต้องทำภายในบ้านที่มีน้ำท่วมสูงระดับเอว เช่นเดียวกับบ้านของชาวบ้านอีกหลายหลังในบริเวณนี้ ซึ่งน้ำยังไม่ลดลงมากนัก เนื่องจากเป็นพื้นที่ลุ่ม และรองรับน้ำจากที่ต่างๆ ซึ่งไหลมาสมทบ ทำให้บ้านบางหลังที่เป็นบ้านชั้นเดียว เจ้าของบ้านยังต้องอพยพไปอาศัยบ้านญาติชั่วคราว
น้ำที่ยังท่วมสูงในบางจุดของ ต.อ่าวลึก อ.เมืองชุมพร ยังทำให้พระสงฆ์และแม่ชี จำนวน 13 รูป ของวัดชุมพรรังสรรค์ หรือวัดเหนือ ต้องย้ายมาจำวัดด้านนอก ขณะที่พื้นที่ในซอยราษฎร์พัฒนาใกล้พื้นที่วัด น้ำก็ยังท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทำให้ชาวบ้านกว่า 50 คนได้รับความเดือดร้อน
เช่นเดียวกับชาวชุมชนราษฎร์วิถี ริมคลองท่าตะเภา อ.เมืองชุมพร ปริมาณน้ำในคลองที่มีจำนวนมาก ยังเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้าน และถนนบางจุดเส้นทางภายในหมู่บ้านถูกตัดขาด รถขนาดเล็กไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ส่วนพื้นที่ย่านการค้าภายในชุมชนน้ำเริ่มลดลงบ้าง แต่สภาพบ้านโดยทั่วไปก็ยังเต็มไปด้วยโคลนที่มากับน้ำ ขณะที่ปริมาณน้ำในคลองท่าตะเภา ซึ่งเป็นคลองสายหลักผ่านใจกลางเมืองชุมพร ยังมีปริมาณมากเกินความจุที่รับได้ ส่วนที่คลองท่าแซะ คลองชุมพร และคลองหลังสวน ปริมาณน้ำปรับตัวลงลง แต่ยังต้องเฝ้าระวังในบางจุด
อย่างไรก็ตาม พื้นที่ที่ปริมาณน้ำยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด คือบริเวณโครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ หรือแก้มลิง ซึ่งมีน้ำเกินความจุ และบางช่วงยังล้นสปิลเวย์เข้าท่วมถนน และชุมชนรอบแก้มลิง โดยเฉพาะจุดที่ตั้งของสะพานไม้เคียม ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของโครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ ที่ถูกน้ำท่วมจนเกือบมิดสะพาน แต่ฝนที่หยุดตกต่อเนื่องในช่วง 2 วัน และการระบายที่สามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้สถานการณ์เริ่มคลี่คลายมากขึ้น
ทั้งนี้ จ.ชุมพร ได้สรุปสถานการณ์น้ำท่วม ล่าสุด พบว่ามีพื้นที่ประสบภัย จำนวน 10 ตำบล 101 หมู่บ้าน มีผู้ได้รับความเดือดร้อนกว่า 25,000 คน หรือกว่า 11,000 ครัวเรือน ต้องอพยพมาสู่พื้นที่ปลอดภัย จำนวน 500 คน ที่พักอาศัยเสียหายบางส่วน 85 หลัง โรงเรียน 65 แห่ง ถนน 290 แห่ง สะพาน 2 แห่ง และพืชผลทางการเกษตรเสียหายเกือบ 1,000 ไร่ โดยมูลค่าความเสียหายประมาณ 120 ล้านบาท
